TEAMG กางแผนรุกธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10% พร้อมลุยโซลาร์รูฟเต็มสูบ

TEAMG กางแผนรุกธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม จ่อร่วมประมูลงาน "กองทัพบก" ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10% พร้อมลุยโซลาร์รูฟเต็มสูบ


นายอภิชาติ สระมูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมแผนงานขยายเข้าสู่ธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม หลังจากที่ได้เริ่มธุรกิจโซลาร์รูฟไปแล้ว โดยสนใจเข้าร่วมประมูลโครงการโซลาร์ฟาร์มของกองทัพบกที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของรายละเอียดเฟสแรก 300 เมกะวัตต์ เบื้องต้นหากจัดสรรให้เอกชนลงทุนรายละ 20-30 เมกะวัตต์ (MW) บริษัทก็พร้อมจะลงทุนด้วยตนเอง แต่หากขนาดเมกะวัตต์มากกว่านั้นก็พร้อมจะจับมือกับพันธมิตรเข้าลงทุน

ส่วนธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปนั้น ที่ผ่านมาบริษํทได้ติดตั้งให้กับภาคเอกชนในลักษณะ Private PPA ไปแล้ว แผนงานในปีนี้อยู่ระหว่างเจรจากับโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อติดตั้งโซลาร์รูฟ โดยโรงงานแรก กำลังการผลิต 1 เมกะวัตต์ และอีกโรงงาน ขนาดกำลังการผลิต 0.5-0.6 เมกะวัตต์ ภายใต้สัญญาการซื้อขายไฟฟ้า 10 ปี

โดยในปีนี้บริษัทวางงบลงทุน Non-Consulting Business ไว้ที่ 200-300 ล้านบาท โดยคาดว่าจากการขยายการลงทุนดังกล่าวจะช่วยให้มีสัดส่วนรายได้จาก Non-Consulting Business ราว 1-5% ของรายได้รวมภายในปีนี้ และน่าจะเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป

ขณะที่ล่าสุด บริษัทได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท จุฬาดิสทริคท์คูลลิ่ง จำกัด ร่วมกับ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG และ Keppel DHCS Pte. Ltd. เพื่อเข้าทำสัญญาโครงการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลาง (District Cooling) บริเวณพื้นที่เขตพาณิชย์สวนหลวง สามย่าน (สัญญาโครงการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางฯ) กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี

สำหรับธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจการศึกษา ออกแบบ และจัดทำรายงาน, ธุรกิจการบริหารโครงการและควบคุมการก่อสร้างนั้น นายอภิชาติ กล่าวว่า ในปีนี้จะยังรักษาระดับรายได้ไว้ที่ 1,800-1,900 ล้านบาท เนื่องจากมีงานโครงการภาครัฐที่เลื่อนมาจากปีก่อนค่อนข้างมาก รวมถึงยังมีงานใหม่ๆ เช่น งานก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำของการประปานครหลวง (กปน.) เป็นต้น ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้เข้าไปควบคุมงานดังกล่าว

อีกทั้งก็อยู่ระหว่างติดตามงานภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมต่าง ๆ ที่คาดว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายน่าจะมีการลงทุนในปีนี้ค่อนข้างมาก หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลงและความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคยังอยู่ในระดับสูง

ส่วนงานโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสปป.ลาว คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาได้ภายในไตรมาส 2/64 และโครงการเขื่อนใน สปป.ลาว ก็น่าจะเริ่มก่อสร้างได้เร็วๆนี้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายลงแล้ว ทำให้น่าจะส่งผลดีต่อการเดินทางเข้าไปในประเทศดังกล่าวได้

“เรายังคงเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตได้ 10% จากปีก่อน เป็นไปตามธุรกิจหลักที่คาดจะรักษาระดับการทำรายได้ไว้ที่ 1,800-1,900 ล้านบาท จากงานภาครัฐที่เลื่อนมาจากปีก่อน และงานใหม่ๆ รวมถึงงานภาคเอกชนที่เริ่มเห็นการลงทุนเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ขณะเดียวกัน Non-Consulting Business เรายังคงเดินหน้าเจรจาติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปอย่างต่อเนื่อง และติดตามรายละเอียดโซลาร์ฟาร์มกองทัพบกด้วย”

Back to top button