SPVI บวกแรง 8% รับผลงาน Q4/63 สดใส ลุ้น Q1/64 โตดี-ยอดขาย iPad-iPhone12 หนุน

SPVI บวกแรง 8% รับผลงาน Q4/63 สดใส ลุ้น Q1/64 โตดี-ยอดขาย iPad-iPhone12 หนุน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI  ณ เวลา 11.53 น. อยู่ที่ 3.78 บาท บวก 0.28 บาท หรือ 8.00% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 109.11 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮในรอบ 4 เดือนโดยเทียบตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 3.84 บาทเมื่อวันที่ 9 ต.ค.63

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SPVI รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/2563 ที่ 41.7 ล้านบาท เติบโต 431.1% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 30.9% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ถือว่าดีกว่าที่มีการคาดการณ์ เหตุจาก ความต้องการซื้อสูงเกินคาดของ IPhone12 เนื่องจากเป็นรุ่นที่รองรับ 5G เป็นรุ่นแรก และมีนโยบายเสริมจากภาครัฐ ช้อปดีมีคืน

ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นเทียบจากไตรมาส 4/2562 เพราะสินค้าที่ขายดีเป็น Iphone12 pro และ Iphone12 pro max ซึ่งมีระดับราคาเกิน 35,000 บาท ด้วย 2 ปัจจัยข้างต้นถึงแม้ว่าจะมีปัญหาสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ บริษัทก็ยังสามารถทำรายได้ไตรมาส 4/2563 ดีขึ้น ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และบริษัทสามารถคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวมได้

ส่วนผลประกอบการปี 2563 บริษัทมีรายได้เติบโต 0.8% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จากยอดขาย IPhone12 ที่ดีมากช่วงปลายปี แต่กำไรสุทธิทั้งปีหดตัวเล็กน้อย 3.2% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน อยู่ที่ 73 ล้านบาท จากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้การบริหาร Supply Chain ยากขึ้น

ทั้งนี้คาดกำไรไตรมาส 1/2564 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนหลักจากยอดการสั่งซื้อที่ค้างมาจากปลายปีก่อน แต่คาดลดลง จากไตรมาสก่อนตามปัจจัยฤดูกาล โดยคาดกำไรทั้งปี 2564 อยู่ที่ 82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จากธีม 5G ที่ผู้บริโภคจำเป็นต้องเปลี่ยนมือถือ (ยอดขายมากกว่า 30% ของยอดขายรวม) และอุปการณ์เสริมต่างๆ อีกทั้งจากกระแส Work from home ช่วยหนุนยอดขาย iPad และ Macbook และเทคโนโลยีชิป M1 ที่เร็วกว่า ใช้พลังงานน้อยกว่า ราคาเท่าเดิม ก็ยังมาช่วยสร้างความแตกต่างให้กับสินค้ากลุ่ม iMac และ Macbook ในปีนี้ บริษัทยังคงเน้นเจาะตลาดกลุ่มนักศึกษาผ่านการเปิดสาขา U-store อีก 6 สาขาในปีนี้

โดยประมาณการรายได้ปี 2564-2565 เติบโต 10% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และ 10.6% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และคาดกำไรปกติปี 2564-2565 โตเฉลี่ย 14.5% CAGR คงราคาเป้าหมาย 4 บาท มีอัพไซด์ 21% บริษัทจ่ายปันผลงวดปี 2564 หุ้นละ 0.11 บาท คิดเป็น Yield 3.3% กำหนดขึ้น XD 2 มี.ค. และจ่ายเงิน 26 เม.ย. ทั้งนี้คงแนะนำ “ซื้อ”

 

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” SPVI ราคาเป้าหมาย 4 บาท/หุ้น โดยช็อปดีมีคืน iPhone-12 และการเรียนออนไลน์ หนุนกำไรงวดไตรมาส 4/63 โต 31% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 431% เมื่อเทียบจกไตรมาสก่อน และยังมีแรงบวกจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ ช็อปดีมีคืน

ขณะที่เดือนต.ค. ยังได้ยอดขาย iPad Gen 8 ที่สต๊อกขาดในงวดไตรมาส 3/63 เข้ามาช่วย อีกทั้งปลายไตรมาส 4/63 ที่มีโควิดระลอก 2 ทำให้ต้องเรียนออนไลน์อีกครั้งหนุนให้ iPad Gen 8 กลับมาขายดีอีกครั้ง โดยรวมทำให้ยอดขายของ SPVI ในงวดไตรมาส 4/63 เพิ่มขึ้น 14.9% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 113.6% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน

ทั้งนี้ยังมองว่าในช่วงไตรมาส 1/64 ยังได้อานิสงส์ของ iPhone-12 และการเรียนออนไลน์หนุน iPad ยังขายดีต่อเนื่อง งวดไตรมาส 1/63 แม้กระแสความแรงของ iPhone-12 จะลดลงจากช่วงแรกที่เริ่มขาย แต่ความนิยมยังมีต่อเนื่อง บวกกับสามารถรับรู้ยอดขายได้เต็มไตรมาส นอกจากนี้ช่วงม.ค.-ก.พ. ภาครัฐยังให้นักเรียนและนักศึกษาเรียนออนไลน์ 50% เพื่อเว้นระยะห่างป้องกันโควิด หนุนให้ยอดขาย iPad ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง บวกกับ SPVI ยังได้ส่วนแบ่งรายได้จากการขายเครื่องพร้อมแพ็คเก็จของ AIS จากรายได้ค่าบริการช่วง 3 เดือนแรก ซึ่งจะรับรู้รายได้ตามรอบบิลที่เรียกเก็บกับลูกค้า โดยส่วนใหญ่จะเข้ามาในงวดไตรมาส 1/64 ทั้งนี้คาดว่ากำไรสุทธิในงวดไตรมาส 1/64 จะอ่อนตัวลงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน หลังหมดอานิสงส์ ซ็อปดีมีคืน แต่จะเติบโตเมื่อเทียบจากปีก่อน ในระดับสูงมาก

นอกจากนี้ได้ปรับเพิ่มกำไรปี 64 ราว 9% สะท้อนผลบวกจากกระแสตอบรับ iPhone-12 ที่ดีเกินคาด รวมถึงการรุกขยายโครงข่าย 5G ของค่ายมือถือ ทั้ง AIS และ TRUE คาดจะทำให้คนไทยเปลี่ยนเครื่องมือถือเพื่อรองรับบริการ 5G มากขึ้น บวกกับเทรนด์ยุคใหม่ นักศึกษาเปลี่ยนมาใช้ iPad ในการจดบันทึกการเรียนแทนสมุดมากขึ้น รวมถึงการใช้ iPAD ในการประชุมออนไลน์ในช่วง WFH นอกจากนี้ยังรับผลบวกจากเปิด U-Store และ A-Shop ที่เปิดปีก่อน 7 สาขาและ 2 สาขา ขณะปีนี้ตั้งเป้าเปิด U-Store 4 สาขา และ A-Shop 2 สาขา จึงคาดกำไรสุทธิปี 64 จะเติบโต 20% เมื่อเทียบจากปีก่อน

Back to top button