บลจ.ทหารไทย ออกกองทุนใหม่ลงทุนหุ้นสหรัฐฯเน้นหุ้นบลูชิพชั้นนำ

บลจ.ทหารไทย ออกกองทุนใหม่ ลงทุนหุ้นสหรัฐฯเน้นหุ้นบลูชิพชั้นนำ


นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทหารไทย หรือ บลจ.ทหารไทย เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนน้องใหม่ คือ กองทุนเปิดทหารไทย US Blue Chip Equity โดยกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียว  คือ กองทุน T. Rowe Price Funds-US Equity Fund ซึ่งจดทะเบียนในประเทศลักเซมเบิร์ก ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และกองทุนอาจจะเข้าทำสัญญาซื้อซื้อขายล่วงหน้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามดุลยพินิจผู้จัดการ โดยกองทุน มีมูลค่าเงินทุนโครงการ 2,000 ล้านบาท โดยกำหนดเปิดเสนอขายเป็นครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 14-18 มีนาคม 2559

สำหรับกองทุนหลัก กองทุน T. Rowe Price Funds-US Equity Fund นั้น ใช้นโยบายการบริหารเชิงรุก (Active Management) เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทคุณภาพขนาดใหญ่ที่ตั้งรกรากอยู่ หรือมีธุรกิจหลักอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา  โดยหุ้นที่เข้าเกณฑ์จะต้องมีผลประกอบการดี มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญได้กระจายการลงทุนไปในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อลดทอนความเสี่ยงจากการกระจุกของการลงทุนที่อาจมากเกินไป

“TMBAM ได้เคยนำเสนอกองทุนหุ้นสหรัฐอเมริกาในลักษณะการบริหารกองทุนแบบเชิงรับ (Passive Strategy) คือมุ่งลงทุนเลียนแบบดัชนี S&P500 ซึ่งที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างสูงลูกค้าตอบรับด้วยดี สำหรับในคราวนี้ เราพร้อมที่จะนำเสนอทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางชั้นดีที่ผ่านการกรองจากมืออาชีพที่เชี่ยวชาญเป็นอย่างยิ่งในการลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกา คือบริษัท T. Rowe Price International Ltd. โดยตัวอย่างหุ้นที่เราทุกคนรู้จักกันดีที่บริษัทฯเข้าไปลงทุนและติดอันดับต้นๆ อาทิเช่น Amazon,  Facebook, Visa และMicrosoft  เป็นต้น ซึ่งเชื่อว่าแทบทุกคนอยากมีส่วนร่วมกับความเจริญเติบโตก้าวหน้าของบริษัทชั้นนำเหล่านี้”นายสมจินต์ กล่าว

ทั้งนี้บริษัทเห็นโอกาสของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง และศักยภาพการเติบโตในระยะต่อไปข้างหน้า โดยเฉพาะจากปัจจัยภายในของประเทศที่สนับสนุน การที่คนอเมริกันมีความมั่งคั่งเพิ่มสูงขึ้นและอัตราว่างงานมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ประชาชนอเมริกันมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งจากการที่กองทุนฯ มุ่งเน้นลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ตาม Mega Trend อย่าง เช่น กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภทที่มีลักษณะฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) กลุ่มบริการเพื่อสุขภาพ (Healthcare) และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) จะถือเป็นโอกาสที่ดีของการลงทุน

Back to top button