ORI จ่อดันธุรกิจออกแบบ-ควบคุมงานก่อสร้าง “ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์” เข้าตลาด Q2/66

ORI จ่อดันธุรกิจออกแบบ-ควบคุมงานก่อสร้าง “ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์” เข้าตลาด Q2/66 สานต่อแนวคิด "ORIGIN NEXT LEVEL" สร้างการเติบโตในทุกมิติ เผยครึ่งแรกปี 64 มีสัญญาบริหารงานโครงการ-งานก่อสร้างในมือแล้ว 16 โครงการ


นายอรุณ ศิริจานุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด ผู้ให้บริการบริหารงานโครงการ และบริหารงานก่อสร้าง ภายใต้บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า หลังบริษัทได้ประกาศเปิดตัวดำเนินธุรกิจรับบริหารงานโครงการ (Project Management) และบริหารงานก่อสร้าง (Construction Management) สานต่อแนวคิด “ORIGIN NEXT LEVEL” สร้างการเติบโตในทุกมิติของเครือพรีโม และออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตของภาคการก่อสร้างทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ล่าสุดบริษัทได้รับความไว้วางใจให้บริหารงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการที่อยู่อาศัย และโรงแรมขนาดใหญ่ เพิ่มเติมอีก 2 โครงการ

ขณะเดียวกัน ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/64 เป็นต้นมา บริษัทได้กระจายโอกาสสู่การเข้าร่วมประมูลงานออกแบบและควบคุมงานเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งเดินหน้าทำการตลาดกับกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย (Non-residential projects) เช่น กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม กลุ่มศูนย์การค้าขนาดกลาง หรือไฮเปอร์มาร์เก็ต ที่มีการรีแบรนด์และจำเป็นต้องดำเนินงานก่อสร้างใหม่ ขยายการรับงานทั้งในแนวลึกและแนวกว้าง เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

แม้ในช่วงต้นไตรมาส 3 จะมีมาตรการปิดแคมป์คนงานภาครัฐในกรุงเทพฯเป็นเวลา 1 เดือน แต่บริษัทยังคงมั่นใจในศักยภาพของตลาดในอนาคต และมีขีดความสามารถที่เพียงพอจะช่วยเร่งรัดงานในมือให้ยังเสร็จสิ้นได้ตามกำหนด ปัจจุบัน เรายังคงมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องจากการบริหารโครงการที่ทยอยเข้าไปบริหารเพิ่มเติมตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563″ นายอรุณ กล่าว

สำหรับในครึ่งแรกปี 2564 บริษัทมีสัญญาบริหารงานโครงการ และบริหารงานก่อสร้างในมือแล้ว จำนวน 16 โครงการ ได้แก่ นอตติ้ง ฮิลล์ ระยอง (Notting Hill Rayong), แฮมป์ตัน ศรีราชา (Hampton Sriracha), ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช (The Origin Onnut), Warehouse 22,000 ตร.ม. จำนวน 2 แห่ง บริเวณถนนบางนาตราด กม.19 และ กม.22 โดยมีระยะเวลาควบคุมงาน ถึงปลายปี 2565

ทั้งนี้หากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านพ้นไป การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของภาครัฐจะกลับมามีบทบาทเข้มข้นในการขับเคลื่อนประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง ส่งผลให้ภาคเอกชนเองพิจารณาลงทุนก่อสร้างมากขึ้น บริษัทจึงจะเร่งขยายการบริการออกไปสู่ 6 กลุ่มธุรกิจย่อย เพื่อให้ครอบคลุมทุกงานบริการวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจกำกับดูแลการบริหารโครงการ (UPM-PM) กลุ่มธุรกิจบริหารงานก่อสร้างโครงการ (UPM-CM) กลุ่มธุรกิจบริหารงานทรัพยากรกายภาพโครงการ (UPM-FM) กลุ่มธุรกิจกำกับดูแลการออกแบบ (UPM-Design Studio) กลุ่มธุรกิจกำกับดูแลการตรวจสอบอาคาร และสิ่งแวดล้อม (UPM-Inspection & Monitoring) กลุ่มธุรกิจดูแลอบรม สัมมนา และงานวิจัย (UPM-Academy)

ขณะที่สัดส่วนรายได้จะมาจากโครงการในเครือ ORI ราว 40% ของมูลค่ารายได้ที่พึงได้รับของการดำเนินงาน และจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอื่นๆอีก 60% เละมื่อเติบโตได้ตามแผนงาน บริษัทตั้งเป้าจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงไตรมาส 2/66 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย และคาดว่าภายใน 5 ปีนอกจากบริษัทจะดำเนินงานควบคุมงานก่อสร้างแล้ว ยังมีการกระจายขอบเขตงานเพิ่มขึ้นอย่างครอบคลุมในทุกๆส่วนงานที่จะให้บริการวิชาชีพด้านวิศวกรรม และด้านสถาปัตยกรรม แบบครบวงจร

ทั้งนี้ บริษัทมีจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญการบริหารงานโครงการและบริหารงานก่อสร้าง โดยเฉพาะการมีทีมวิศวกรและสถาปนิกมืออาชีพที่การควบคุมคุณภาพการดำเนินงานตามหลักมาตรฐานของญี่ปุ่น ตลอดจนการผ่านการรับรอง ISO 9001-2015 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล

Back to top button