EPG มั่นใจยอดขายปี 65/66 โต 5% ปรับกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 30-33%

EPG มั่นใจยอดขายปี 65/66(เม.ย.65-มี.ค.66) โต 3-5% พร้อมปรับกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 30-33% จากเดิม 29-32% รับอานิสงส์ต้นทุนวัตถุดิบ-ค่าขนส่งลดลง ปักธงภายใน 5 ปี ยอดขายแตะ 2 หมื่นล้าน


รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลกเปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 22 ก.พ.66 ว่า บริษัทคาดยอดขายปีบัญชี 65/66 (เม.ย.65 – มี.ค.66) เติบโตประมาณ 5% และอัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้น 30-33% โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาวัตถุดิบกลุ่มปิโตรเคมีบางประเภทปรับตัวลดลง และ ค่าขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทยอยปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นไตรมาส 3-ปลายไตรมาส 4

มั่นใจผลงานปี 65/66 และในปีหน้าจะเติบโตตามแผน และในปีต่อไปจะเป็นปีทองของธุรกิจตามแผนงบลงทุนที่ได้วางไว้โดยภายใน 3 ปี วางเป้าจะมียอดขายแตะประมาณ 15,000 ล้านบาท และตามแผนภายใน 5 ปี จะสามารถมียอดขายประมาณ 20,000 ล้านบาท จากการเติบโตของทุกธุรกิจที่จะมีอย่างต่อเนื่อง รศ.ดร.เฉลียว กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปีบัญชี 65/66 (ต.ค.-ธ.ค.65) แม้ว่าบริษัทได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลต่อการดำเนินงานทำให้บริษัทมีรายได้จากการขาย 3,006 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.1% จากช่วงเดียวกันของปี มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 34.5% และมีกำไรสุทธิรายไตรมาสที่ 213 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 47.1%

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปีบัญชี 65/66 (เม.ย.-ธ.ค.65) บริษัทมีรายได้จากการขาย 9,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 32.9% และมีกำไรสุทธิ 828 ล้านบาท ลดลง 34.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าในไตรมาสที่ 4 ปีบัญชี 65/66 (ม.ค. – มี.ค.66) ยอดขายจะปรับตัวดีขึ้นทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่

1.ธุรกิจฉนวนกันความร้อน-เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายในสหรัฐอเมริกายังคงเติบโตต่อเนื่องจากความต้องการสินค้าฉนวนยางที่มีคุณภาพสูง ซึ่งผ่านมาตรฐานการรับรองความปลอดภัย และจากการขยายตลาดไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรม Ultra Low Temperature Insulation และ  Air Ducting system ช่วยผลักดันให้ยอดขายเพิ่มขึ้น

อีกทั้ง มีปัจจัยสนับสนุนจากภาคการผลิตและการลงทุนเอกชนที่ยังขยายตัวในสหรัฐอเมริกา ส่วนยอดขายในญี่ปุ่น และยุโรป ปรับตัวดีขึ้น  ขณะที่ยอดขายในประเทศทยอยฟื้นตัว คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากกลุ่มอุตสาหกรรมย้ายฐานการผลิตมาในประเทศไทย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

2.ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้กลุ่ม Aeroklas ยอดขายมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากคำสั่งซื้อสินค้าหลัก เช่น พื้นปูกระบะ (Bed liner) บันไดข้างรถกระบะ (Sidesteps) และชิ้นส่วนอื่น ๆ ของรถกระบะ และ SUV สำหรับธุรกิจในออสเตรเลียประสบปัญหาการส่งมอบยานยนต์ในออสเตรเลียล่าช้า เนื่องจากการสุ่มตรวจยานยนต์นำเข้ามีความเข้มงวด ส่งผลให้ยานยนต์คงค้างอยู่ที่ท่าเรือของออสเตรเลียกว่า 60,000 คัน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจในออสเตรเลีย อย่างไรก็ตามคาดว่าสถานการณ์จะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติในเดือนมีนาคม 2566 บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนธุรกิจ โดยเร่งให้เกิด synergy ในกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์

3.ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP คาดว่าจะเติบโตดีขึ้นจากการปรับกลยุทธ์ใหม่ และ การขยายตลาดให้ครอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่ม ประกอบกับ EPP ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก GMP/ HACCP และ The British Retail Consortium (BRC) อีกทั้ง กิจกรรมต่าง ๆ ภายในประเทศเริ่มกลับมาดำเนินงานเป็นปกติแล้ว  จึงซึ่งส่งผลบวกต่อ EPP และคาดว่ายอดขายจะปรับตัวดีขึ้นมากในปีบัญชี 66/67

สำหรับบริษัทร่วมและการร่วมค้ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมฉนวนกันความร้อน/เย็น และกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งได้รับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นและหลากหลายขึ้น

นอกจากนี้บริษัทย่อยทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท แอร์โรเฟลกซ์ จำกัด/ บริษัท แอร์โรคลาส จำกัด และ บริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จำกัด ดำเนินการติดตั้ง Solar Roof top เสร็จสิ้นแล้ว มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 18 MW สามารถดูดกลับก๊าซเรือนกระจกประมาณ 13,500 ton Co2eq และ สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าประมาณ 70 ล้านบาทต่อปี

Back to top button