“สุวัฒน์” มองหุ้น “พลังงาน” ยังน่าลงทุน-BA เด่นกลุ่มท่องเที่ยว

“นายสุวัฒน์ สินสาฎก” แนะ 7 หุ้นพลังงานน่าเก็บ IVL- IRPC- SPRC- TOP- BCP- PTTEP- BANPU มีปัจจัยบวกเฉพาะ ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยวเป็นสายการบิน BA รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มเที่ยวบิน


นายสุวัฒน์  สินสาฎก ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน กล่าวในรายการสด “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (7 มิ.ย. 66) ว่าในส่วนของหุ้นพลังงานนั้นถูกลดราคาเป้าหมายลง แต่ราคาหุ้นนั้นลดลงไปกว่าราคาเป้าหมายเยอะ ซึ่งต้องดู 2 ประเด็น โดยประเด็นแรก คือ ดูภาพรวมของหุ้นพลังงานน้อยลง เพราะฉะนั้นเลยต้องปรับลดราคาเป้าหมายลง ส่วนราคาหุ้นที่ลดลงไปเยอะมากนั้นมีเหตุผลมาจากในเรื่องของราคาน้ำมันนั้น Demand ที่ไม่ค่อยดีหลาย ๆ คนก็อาจจะเน้นในเรื่องของภาวะถดถอยหรือเปล่า รวมถึงเรื่องของจีนอาจจะฟื้นตัวช้า

ประเด็นถัดมาคือ ยกตัวอย่างในเรื่องของประเทศซาอุดิอาระเบียที่ประกาศลดค่าการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่เมื่อดูราคาน้ำมันแล้วก็ไม่ได้สะท้อนเท่าไร เพราะมีการปรับขึ้นในระยะสั้นแล้วก็ถูกปรับตัวลงมา

ฉะนั้นจาก 2 ประเด็นหลักที่กล่าวไปข้างต้น ต้องกล่าวว่าตลาดหุ้นพลังงานอาจจะไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ของภาพรวมที่ดีนัก 

นายสุวัตน์มองว่า การปรับลดลงมาในเนื้อแท้จริง ๆ ของผู้ประกอบการนั้น ปรับที่ภาพรวมใหญ่ลงมา แต่เมื่อเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบัน กลายเป็นว่ามีหุ้นหลายตัวที่มีราคาน่าลงทุน แล้วความคาดหวังเดิมของนักลงทุนอาจจะสูงไปหน่อย แต่ความคาดหวังใหม่ที่ลดลงมาแล้ว ราคาหุ้นในตอนนี้อาจจะดีขึ้น ดังนั้น ภายในครึ่งปีหลังนี้อาจจะดีขึ้น มองว่ายังไงประเทศจีนก็ดีขึ้นแน่นอน เพราะไตรมาส 1 ดีขึ้น 4.5% ดีกว่าคาด ส่วนไตรมาส 2 อาจจะดีขึ้นมาสักประมาณ 5% บวก/ลบ

ส่วนประเด็นของจีนคือ มีเที่ยวบินที่จะบินออกนอกประเทศ จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสักประมาณ 40-50% ภายในเดือน มิ.ย.-ก.ค. 66 นี้ เนื่องจากมีไฟล์ทจากจีนที่บินมาไทยสูงที่สุดใน International Flight ในอดีตปี 62 จำนวนที่นั่งบินจากจีนมาไทยทะลุ 1 ล้านที่นั่ง  และเมื่อเดือน พ.ค. 66 ที่ผ่านมา มีจำนวนแค่ 4 แสนกว่าที่นั่งเท่านั้น นับว่ายังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของปรากฏการณ์ในปี 62 ซึ่งในจุดนี้จะเกี่ยวข้องกับ Demand น้ำมันเครื่องบิน และ Demand การใช้อื่น ๆ และเกี่ยวข้องกับเรื่อง Sector ท่องเที่ยวเมืองไทย สังเกตจากบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมา 5 วันติดแล้ว โดยในเดือน มิ.ย. 66 นี้ ประเทศจีนจะเพิ่มเที่ยวบินมาประเทศไทยขึ้นเป็น 3 เท่า โดยในวันที่ 1 มิ.ย. 66 นั้น ที่นั่งจาก 4 แสนกว่า ก็จะขึ้นไปประมาณสัก 8 แสนที่นั่ง โดยในครึ่งปีหลังนี้มั่นใจได้เลยว่าคนจีนจะเข้ามาประเทศไทยอย่างน้อยเดือนละ    ล้านคน มองว่า Sector ท่องเที่ยวเป็นหุ้นที่ห้ามพลาด

ส่วนในเรื่องของสหรัฐอเมริกา ในส่วนของ GDP ประจำไตรมาส 2/66 คาดว่าจะไม่ค่อยดีนัก แต่ว่าไตรมาส 3/66 จะดีขึ้น อาจจะติดลบลงจากไตรมาส 2/66 แต่ไตรมาส 4/66 จะกลับมาเป็นบวก และมีโอกาสที่ FED จะเริ่มลดดอกเบี้ยลงในไตรมาส 4 เพราะเชื่อว่าในเดือนก.ค.-ส.ค. 66 จะเห็นตัวเลขเงินเฟ้อธรรมดาและเงินเฟ้อหลักลดลงแบบมีนัยยะของอเมริกา โดยตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนล่าสุดนั้นยังไม่ประกาศผลออกมา แต่ประกาศผลของเดือนเม.ย. 66 ออกมาแล้ว เงินเฟ้อหลักอยู่ที่ 5.5% เงินเฟ้อธรรมดาอยู่ที่ 5%

โดยเงินเฟ้อหลักกับเงินเฟ้อธรรมดา องค์ประกอบมากกว่า 1ใน 3 มาจากเงินเฟ้อหมวดที่พักอาศัย หรือ Shelter โดยตัวหลักจะเป็นในเรื่องของราคาบ้านและค่าเช่าบ้าน  2 ตัวนี้จะสะท้อนถึงการจ่ายจริง แต่การจ่ายค่าเช่าบ้านนั้นคือการทำสัญญาเมื่อ 6 เดือน หรือ 1 ปีที่แล้ว แสดงว่าการประกาศเงินเฟ้อนั้นล่าช้ากว่าข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงนั้นลดลงไปแล้ว มีดัชนีบอกว่าราคาบ้านและค่าเช่าบ้านปัจจุบันนั้นลดลงไปแล้ว ซึ่งเงินเฟ้อที่จะลดลงในเดือน ก.ค.-ส.ค. 66 นั้น อาจจะลดลงต่ำกว่า 5% ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นได้

ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดราคาเป้าหมายของกลุ่มพลังงาน ก็เหมือนการลดจากความชันสูงมาความชันต่ำ เนื่องจากว่าในตอนแรกนั้นอยู่จุดที่สูงมากไป แต่ตอนนี้คือปรับลดลงให้มาอยู่ในจุดที่เชื่อว่ามันเป็นไปได้ แต่จุดใหม่ที่ปรับลดลงมาก็คิดว่าสามารถเข้าตลาดได้ โดยเฉพาะหุ้นพลังงานไทย เพราะหุ้นของไทยนั้นถูกกดด้วยเรื่องของการเมืองด้วย ซึ่งจะแตกต่างจากหุ้นของพลังงานโลก

นายสุวัตน์ กล่าวอีกว่า หุ้นพลังงานที่เด่นที่สุดไล่จาก Down stream จะมีปิโตรเคมีกับโรงกลั่น หุ้นที่มีกำไรแข็งแกร่งแน่ ๆ คือตัวบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL กับบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เนื่องจากว่า IVL กำไรส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกา ส่วนตัว IRPC จะมาจากคูพรีเมี่ยม บริษัท IRPC นั้นจะอ่อนไหวกับคูพรีเมี่ยมสูง เนื่องจากเขาใช้น้ำมันจ่ายให้กับคูพรีเมี่ยมเยอะในการกลั่น แล้วนำมาทำปิโตรเคมี พอคูพรีเมี่ยมลงเนื่องจากว่าประเทศซาอุดิอาระเบีย นอกจากจะลดการผลิตแล้วยังลด     คูพรีเมี่ยมลง เนื่องจากต้องการกระตุ้น Demand ของบริษัทเอง ซึ่งการลดคูพรีเมี่ยมนั้นคือการลดราคาน้ำมันจริงๆ ตามความหมายของโรงกลั่น ไม่ใช่การลดเพื่อตลาดโลก

ส่วนด้านกลุ่มโรงกลั่นจะมีบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC กับ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ  TOP เพราะ 2 บริษัทนี้จะได้ประโยชน์จากคูพรีเมี่ยมที่ลดลงเช่นกัน ส่วนบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ยังไม่มีความแน่ใจ เนื่องจากกำลังรวมตัวกับบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO

สุดท้ายจะเป็นตัว Upstream ซึ่งคือบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ซึ่งกังวลในเรื่องของตลาดแก๊ส โดยตอนนี้มีความเสรีมากขึ้นเพราะเสีย Market share ไปบางส่วน อีกส่วนหนึ่งคือ ปตท.ไปทำรถไฟฟ้าพลังงาน EV เพราะฉะนั้น ปตท. อาจจะยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี อีกตัวคือบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU โดยจะให้น้ำหนักน้อยกว่า PTTEP เนื่องจากมีเชลฟ์แก๊สด้วย เชลฟ์แก๊สตอนนี้ราคาต่ำมาก ๆ ในประเทศอเมริกา ตอนนี้มีราคาอยู่ที่ 2 เหรียญ ซึ่งลดลงมาจาก 9 เหรียญ แต่แนะว่าให้เลือกหุ้น PTTEP

Back to top button