NEX เปิดตัว “EV Bus” ไร้คนขับคันแรกของไทย มุ่งสร้างสิ่งแวดล้อมยั่งยืน

NEX เดินหน้ายานยนต์ไฟฟ้า "EV Bus" ไร้คนขับต้นแบบเทคโนโลยี 5G คันแรกของประเทศไทย สื่อสารร่วมกับโมบายแอปพลิเคชัน ยกระดับการพัฒนาสู่อุตสาหกรรมอัจฉริยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ควบคู่กับการสร้างสิ่งแวดล้อมให้มีความยั่งยืน


นางสาวศุภมาศ อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เริ่มเป็นที่นิยม และถูกพูดถึงบ่อยครั้งในปัจจุบัน เมื่อมีการเผชิญปัญหาโลกร้อน มลพิษทางอากาศ PM 2.5 และทิศทางพลังงานโลกที่มุ่งไปสู่การผลิตและใช้พลังงานที่มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบบสุทธิเป็นศูนย์ จึงทำให้รัฐบาลหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย สนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งข้อดี คือ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดมลพิษทางเสียง ประสิทธิภาพสูงด้านอัตราเร่ง และประหยัดค่าใช้จ่าย

ด้านนายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX เปิดเผยว่า บริษัทฯ ร่วมงานเปิดตัวรถบัสไฟฟ้า “EV Bus” ไร้คนขับต้นแบบ เทคโนโลยี 5G คันแรกของไทย โดยมีผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.ยศพงษ์ ลออนวล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาความยั่งยืนและหัวหน้าศูนย์วิจัย Mobility and Vehicle Technology Research Center (MOVE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) หัวหน้าโครงการวิจัย, ดร.ภาณุภัทร์ ภู่เจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายโทรคมนาคม บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) รองหัวหน้าโครงการวิจัย, รองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.), นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการ เลขาธิการ กสทช., นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน), ว่าที่ร้อยตรี สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา และคุณนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โดยรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบ เทคโนโลยี 5G คันแรกของไทย ที่ยกระดับการพัฒนาสู่อุตสาหกรรมอัจฉริยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะเปิดให้บริการในพื้นที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สื่อสารร่วมกับโมบายแอปพลิเคชันด้วยเทคโนโลยี 5G ระหว่างรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับกับประชาชน และนักท่องเที่ยวในเขตโบราณสถาน เป็นการทดลองใช้งานรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบที่วิ่งร่วมกับรถทั่วไปในท้องถนนจริง โดยนำเอาระบบสื่อสารภายใต้โครงข่าย 5G มาใช้งาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด นับเป็นนวัตกรรมการขนส่งไร้คนขับด้วยศักยภาพ 5G ที่สอดคล้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคตด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ควบคู่ไปพร้อมกับการสร้างสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน

สำหรับความร่วมมือพัฒนาโครงการฯ ในครั้งนี้ เป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่สามารถพัฒนาให้ทัดเทียมต่างประเทศ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาองค์ความรู้เรื่องยานยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ ทั้งด้านการพัฒนาบุคลากรรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และความมือในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อรองรับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่เติบโตสูงในอนาคต

Back to top button