TK ตั้งเป้าปี 67 ปล่อยสินเชื่อตปท. โต 40% ยันสปป.ลาวแตะ 130 ล้านบาท

TK คาดปี 67 สามารถเพิ่มสัดส่วนพอร์ตเช่าซื้อต่างประเทศเพิ่ม 40% ตั้งเป้าสินเชื่อใน สปป.ลาว ให้ทรงตัวประมาณ 130 ล้านบาท มุ่งเน้นการเติบโตของธุรกิจโดยยึดคุณภาพลูกหนี้เป็นหลัก


นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา ตลาดเช่าซื้อภาพรวมในประเทศมีการแข่งขันรุนแรง ในขณะที่ปัจจัยภายนอกทั้งการเข้ามากำกับดูแลจากประกาศของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เรื่องให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2566 ในราชกิจจานุเบกษา ที่เริ่มมีผลบังคับในวันที่ 10 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา และสภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวลดลง จากผลกระทบที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมทั้งอุปสงค์ในประเทศยังคงได้รับผลจากการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

นอกจากนี้ยังมีภาคการผลิตที่ยังชะลอต่อเนื่อง หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง สะท้อนได้จากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ยังหดตัวหลายเดือนติดต่อกัน และเงินเฟ้อพื้นฐานที่ปรับตัวสูงกว่ากรอบเงินเฟ้อของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจเช่าซื้อต่างต้องนำกลยุทธ์ธุรกิจและแผนการตลาดที่หลากหลายมาขับเคี่ยวกันตลอดปี

อย่างไรก็ดีในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทใช้การดำเนินกลยุทธ์ธุรกิจในประเทศด้วยการปล่อยสินเชื่อด้วยความระมัดระวังและเข้มงวด ขนานไปกับการบริหารคุณภาพลูกหนี้ในพอร์ตเช่าซื้อเพื่อคงระดับหนี้เสีย รวมทั้งบริหารฐานทุนให้แข็งแรง เน้นการมีเงินสดเตรียมพร้อมเมื่อจังหวะเหมาะสมในการขยายตลาด อีกทั้งยังใช้กลยุทธ์เดินหน้าขยายธุรกิจเช่าซื้อในต่างประเทศ ทั้งใน สปป.ลาว และกัมพูชา ด้วยความระมัดระวัง ให้สอดคล้องกับปัจจัยความเสี่ยงที่ บริษัทได้ติดตามอย่างใกล้ชิดในแต่ละประเทศที่เข้าไปดำเนินงาน โดยมีมูลค่าพอร์ตเช่าซื้อ ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาท หรือ 38% ของยอดสินเชื่อรวมของบริษัท

สำหรับนโยบายการดำเนินธุรกิจในตลาดต่างประเทศของบริษัทในปี 2567 คือจะเน้นคุณภาพลูกหนี้เป็นหลัก ทั้งใน สปป.ลาว และกัมพูชา พร้อมเตรียมรับมือกับการแข่งขันจากการเข้ามาของผู้ให้บริการสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น  โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนพอร์ตเช่าซื้อในต่างประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 40% จาก สปป.ลาว และกัมพูชา ภายในสิ้นปี 2567

ด้าน นายประพล พรประภา กรรมการและรองผู้จัดการ TK กล่าวว่า การขยายตลาดเช่าซื้อไปยังต่างประเทศนับเป็นการสร้างโอกาสเพิ่มรายได้ใหม่ให้กับผู้ประกอบการเช่าซื้อ หรือ New S-Curve เพื่อกระจายพอร์ตเช่าซื้อ เหตุเพราะการแข่งขันของธุรกิจเช่าซื้อในประเทศเข้มข้น รวมทั้งมีหน่วยงานจากภาครัฐเข้ามากำกับดูแลเข้มงวด ด้วยการกำหนดเพดานดอกเบี้ย อีกทั้งยังจะมีโรดแมปที่ให้ ธปท. เข้ามากำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อ ซึ่งขณะนี้ยังคงต้องรอดูความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวจาก ธปท. ทำให้ผู้ประกอบการเช่าซื้อมองว่าตลาดต่างประเทศมีโอกาสเติบโตได้มากกว่า

ทั้งนี้การเข้าดำเนินธุรกิจเช่าซื้อในต่างประเทศมีหลักเกณฑ์ต่างๆ รวมถึงข้อกฎหมายและภาษีในการดำเนินธุรกิจเช่าซื้อในแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน ซึ่งผู้ประกอบการทุกรายที่เข้าไปดำเนินงานต้องศึกษาและปฏิบัติตาม โดยบริษัทได้ขยายธุรกิจเช่าซื้อในประเทศที่กฎระเบียบเอื้ออำนวยกว่าประเทศไทย

อนึ่ง TK เริ่มขยายธุรกิจเช่าซื้อไปตลาดต่างประเทศตั้งแต่ปี 2557 ปัจจุบันมีสาขาในต่างประเทศรวม 18 สาขา โดยมีสาขาใน สปป.ลาว จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ เวียงจันทน์, หลวงพระบาง, ปากเซ, สะหวันนะเขต, เชียงของ และ อุดมไซ ซึ่งครอบคลุมหัวเมืองและประชากรประมาณ 17.04 ล้านคน นับว่าครอบคลุมเกือบทุกเมือง บริษัทจึงไม่มีแผนที่จะขยายหรือเพิ่มสาขาในตลาดดังกล่าว ตั้งเป้าสินเชื่อใน สปป.ลาว ให้ทรงตัวประมาณ 130 ล้านบาท

ส่วนในราชอาณาจักรกัมพูชา บริษัทมีสาขาจำนวน 12 แห่ง ได้แก่ พนมเปญ, เสียมเรียบ, พระตะบอง, สวายเรียง, บันเตียเมียนเจย, กำปงจาม, กำปงสปือ, กำโปด, กำปงธม, กำปงชนัง, โพธิสัตว์ และ ตาแกว ตั้งเป้าเติบโตโดยเน้นคุณภาพลูกหนี้เป็นหลัก

Back to top button