BTG ส่งซิกฟื้นตัวแรง ครึ่งปีหลังจ่อปิดดีล M&A วางเกมรุกเอเชีย-ยุโรปต่อเนื่อง

BTG คาดกำไรขั้นต้นไตรมาส 2/68 เติบโตแข็งแกร่ง กางแผนใช้งบ 300 ล้านบาท ปิดดีล M&A ธุรกิจในภูมิภาคเอเชียปลายปีนี้ พร้อมเร่งกำลังผลิตสินค้าในกัมพูชา ขยายการแปรรูปเนื้อไก่ สปป.ลาว ส่วนออเดอร์ส่งออกยุโรปแข็งแกร่ง หลังมีคำสั่งซื้อถึงไตรมาส 3 ปีนี้


นายปราบริปู พัฒนภูมิไท เจ้าหน้าที่นักลงทุนสัมพันธ์อาวุโส บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG ได้เปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2568 ผ่านงาน Opportunity Day ที่จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 โดยรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 พลิกมีกำไรสุทธิ 1,897.82 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 124.07 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้รวมอยู่ที่ 30,499 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 27,215.4 ล้านบาท จากปัจจัยการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหมู-ไก่ในประเทศและความต้องการบริโภคหมู-ไก่ที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและส่งออก อีกทั้ง บริษัทฯมีการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนทิศทางการดำเนินงานสำหรับปี 2568 บริษัทฯ ได้วางกรอบการลงทุนไว้ 4,800 ล้านบาท โดยหลักแล้วบริษัทฯขยายธุรกิจผ่านการทำ M&A (Merger and Acquisition) โดยเฉพาะฟาร์มกลุ่มธุรกิจ Food – โปรตีน

ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้ตั้งงบลงทุน M&A ประมาณ 2,200 ล้านบาท โดยได้มีการใช้เงินไปแล้วประมาณ 1,900 ล้านบาท เพื่อเข้าซื้อกิจการผู้ผลิตไข่ไก่ในประเทศสิงคโปร์ ดังนั้นช่วงที่เหลือของปี 2568 ยังมีงบประมาณเหลืออยู่อีก 300 ล้านบาท ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าบริษัทฯจะใช้สำหรับทำ M&A อีกอย่างน้อย 1 ดีลภายในช่วงปลายปี 2568

สำหรับกลุ่มธุรกิจ Food-โปรตีน บริษัทฯ ได้ตั้งงบลงทุนประมาณ 1,600 ล้านบาท งบส่วนนี้เน้นใช้ปรับปรุง พัฒนาโรงงานผลิต นอกจากนี้ยังมีแผนขยายธุรกิจกลางน้ำเพื่อเพิ่มกำลังแปรรูปผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะการแปรรูปเนื้อไก่เพิ่มศักยภาพส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ

ขณะที่จากสถานการณ์โรคระบาดในสุกร ต้องเรียนว่า การระบาดเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งการระบาดดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อปริมาณซัพพลายสุกร ทำให้จำนวนสุกรลดลง ส่งผลให้ราคาเนื้อสุกรในตลาดปรับตัวสูงขึ้น

สำหรับแนวทางในการรับมือที่ผ่านมา บริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร ทั้งในกระบวนการเลี้ยง คุณภาพของผลิตภัณฑ์ ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในระบบฟาร์มของเบทาโก ควบคุมความปลอดภัยภายใต้มาตรการ (Betagro quality Management)

“บริษัทฯ ให้ความมั่นใจต่อนักลงทุน ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โรคระบาด เนื่องจากบริษัทฯ มีมาตรฐานการจัดการฟาร์มที่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพสูงเพื่อรักษาปริมาณหมูนายปราบริปู กล่าว

ด้านธุรกิจในต่างประเทศ อาทิ ประเทศกัมพูชา ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา มียอดขายในช่องทาง (Food Service) และ (Modern Trade) เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนการขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ไส้กรอกคาดว่าจะสามารถเริ่มเดินดำเนินการได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2568 สำหรับ ประเทศลาว บริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มการแปรรูปเนื้อไก่ เพื่อรองรับความต้องการในประเทศและลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ คาดว่าจะเห็นผลชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปี 2568

ขณะที่ช่วงที่ผ่านมา ความต้องการสินค้าจาก ตลาดยุโรป มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลมาจากปัจจัยสำคัญ คือ 1.) ความต้องการบริโภคภายในภูมิภาคสูงขึ้นทำให้ลูกค้ามีการเตรียมแผนการสั่งซื้อไว้ล่วงหน้า 2.) ความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนและระยะเวลาในการขนส่ง ซึ่งเป็นผลกระทบจากสถานการณ์ สงครามการค้า ด้วยเหตุนี้ทำให้บริษัทฯ มีคำสั่งสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อล่วงหน้าไปจนถึงไตรมาส 3 ปี 2568

ในด้านแผนการลงทุนต่างประเทศปี 2568 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้างบประมาณสำหรับการทำ M&A ไว้ที่ 2,200 ล้านบาท อย่างที่กล่าวไปข้างต้น โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาใช้ไปแล้ว 1,900 ล้านบาท ส่วนงบประมาณที่เหลือบริษัทฯ มีแผนจะลงทุนเพิ่มเติมภายในปีนี้ โดยมีแนวโน้มว่าจะเน้นไปที่ประเทศในภูมิภาคเอเชีย

ส่วนแนวโน้มภาพรวมของอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin: GPM) ไตรมาส 2 ปี 2568 คาดว่ายังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยเชื่อว่า GPM จะสามารถทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ปี 2568 หรืออาจปรับตัวดีขึ้นมากกว่า

นายปราบริปู กล่าวทิ้งท้ายว่า หากถามถึงผลของการ Synergy จากการทำ M&A ในประเทศสิงคโปร์ คาดว่าจะเริ่มเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 โดยจะเห็นได้จากการที่บริษัทสามารถนำ สินค้า ผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่ายผ่านช่องทางจัดจำหน่าย (Distribution Channel) เดิมที่บริษัทคู่ค้าในสิงคโปร์มีอยู่แล้ว นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผน ขยายช่องทางการขายเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่ายผ่าน ซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านค้าปลีก, คาเฟ่, และ ช่องทางออนไลน์ ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น

Company Snapshot

Back to top button