“กรุงศรี” ชี้ ADVANC-TRUE ไร้กระทบกำไร! กสทช.หั่นราคา “แพ็กเกจธงฟ้า” ลดค่าครองชีพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เห็นชอบในหลักการปรับลดอัตราค่าบริการ “แพ็กเกจธงฟ้า” หรือ “แพ็กเกจสวัสดิการ” สำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่จากอัตราเดิม 240 บาทต่อเดือน เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยคาดว่าจะประกาศใช้อัตราใหม่ภายในสิ้นปี 2568 หรือต้นปี 2569 ซึ่งแพ็กเกจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐในการสนับสนุนผู้มีรายได้น้อย และมีหลักการสอดคล้องกับโครงการธงฟ้าประเภทอื่น

ทั้งนี้ “แพ็กเกจธงฟ้า” ได้ริเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2564 ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยเป็นความร่วมมือระหว่างผู้ให้บริการหลัก ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT โดยกำหนดอัตราค่าบริการรายเดือนที่ 240 บาท ครอบคลุมบริการอินเทอร์เน็ต 2GB การโทร 30 นาที ข้อความ SMS 10 ข้อความ และ MMS 5 ข้อความ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านโทรคมนาคมในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ระบุว่า จากการวิเคราะห์และประเมินผลกระทบของมาตรการดังกล่าว พบว่าการปรับลดค่าบริการของแพ็กเกจธงฟ้าจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสามารถในการทำกำไรของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ ได้แก่ ADVANC และ TRUE เนื่องจากแพ็กเกจนี้ไม่ได้รับความนิยมในตลาด และไม่ได้เป็นแพ็กเกจหลักที่มีสัดส่วนผู้ใช้สูงเมื่อเทียบกับแพ็กเกจอื่น

โดยจากการเปรียบเทียบกับแพ็กเกจอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน พบว่าแพ็กเกจแบบเติมเงินซึ่งมีค่าบริการเพียง 200 บาทต่อเดือน ให้บริการอินเทอร์เน็ตสูงถึง 25GB ความเร็ว 6Mbps จึงมีความคุ้มค่ามากกว่าแพ็กเกจธงฟ้าอย่างชัดเจน ประกอบกับแนวโน้มราคาค่าบริการแพ็กเกจธงฟ้าน่าจะไม่ต่ำกว่า 200 บาท จึงไม่น่าจะส่งผลให้ผู้บริโภคเปลี่ยนไปใช้แพ็กเกจดังกล่าวในวงกว้าง และจะไม่กระทบต่อรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการ (ARPU)

ทั้งนี้ KSS ยังคงประมาณการการเติบโตของกำไรสำหรับ ADVANC ที่ 16.6% ในปี 2568 และ 9% ในปี 2569 ขณะที่ TRUE คาดว่าจะเติบโตโดดเด่นที่ 71% ในปี 2568 และ 35% ในปี 2569 พร้อมแนะนำ “ซื้อ” หุ้นทั้งสองบริษัท โดยให้ราคาเป้าหมายของ ADVANC ที่ 350 บาท และ TRUE ที่ 18 บาท สะท้อนปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของกำไร กระแสเงินสดอิสระที่แข็งแกร่ง และโอกาสในการประมูลคลื่นความถี่เพิ่มเติมในอนาคตซึ่งอาจเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติม (upside risk) ต่อผลประกอบการในระยะข้างหน้า