
MONO เด้ง 1% ลุ้นกำไร “พรีเมียร์ลีก” ปีละ 2.6 พันล้านบาท
MONO ราคาเด้ง 1% หลังคาดการณ์กำไรสุทธิจากแพ็กเกจพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2025/26 สูงถึง 2,300–2,600 ล้านบาทต่อปี ชี้จุดคุ้มทุนที่สมาชิก 7 แสนราย พร้อมโอกาสเติบโตหากเข้าถึงตลาด 7-8 ล้านรายในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 ก.ค. 68) ราคาหุ้นของ บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO ณ เวลา 10:52 น. อยู่ที่ระดับ 1.81 บาท บวก 0.01 บาท หรือ 0.56% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 1.83 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 1.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 24.10 ล้านบาท
โดยราคาหุ้น MONO ปรับตัวขึ้นคาดว่าเป็นการตอบรับข้อมูลจากผลการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 500 ราย เกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคต่อการรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (EPL) ฤดูกาล 2025/2026 ภายใต้ความร่วมมือของบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS, MONO และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แฟนบอลส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าของแพ็กเกจ ขณะที่ 86% ของแฟนบอลปฏิเสธที่จะจ่ายค่าบริการเกิน 300 บาทต่อเดือน โดยแพ็กเกจช่วง 199–299 บาทต่อเดือนของ JAS และ AIS ถือว่าอยู่ระดับราคาที่แฟนบอลยอมรับได้ โดย 12% ของผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC มีแผนจะย้ายมาใช้บริการของ AIS และ 3BB จากแพ็กเกจ 199 บาทต่อเดือน และแพ็กเก็จรายปี 1,999 บาท ทั้งนี้หากสามารถดึงดูดผู้ใช้งาน 2.3 ล้านรายให้เปลี่ยนจาก TRUE มาใช้ AIS ได้จริง AIS อาจมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 6,000 ล้านบาทต่อปี
ขณะที่ 86% ของแฟนบอล พอใจแพ็กเกจ 299 บาทต่อเดือนของ JAS ผ่าน MONO MAX ถือว่าอยู่ระดับราคาที่แฟนบอลยอมรับได้ ซึ่งหนุนโอกาสในการเข้าถึงตลาดได้มากขึ้น โดยมีการประเมินว่า JAS จะถึงจุดคุ้มทุนที่จำนวนสมาชิกประมาณ 2 ล้านราย (จ่ายรายละ 299 บาทต่อเดือน)
ทั้งนี้ JAS ต้องแบกรับต้นทุนค่าลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกทั้งหมด เมื่อผ่านจุดคุ้มทุน ต้นทุนผันแปรหลักจะลดลงเหลือเพียงค่าธรรมเนียมให้ MONO ประมาณ 50 บาทต่อสมาชิกต่อเดือน และทุก ๆ สมาชิก 1 ล้านรายที่เกินจากจุดคุ้มทุน JAS จะสามารถสร้างกำไรสุทธิได้ประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี หาก JAS มีฐานสมาชิกถึง 7–8 ล้านราย อาจสร้างกำไรจากธุรกิจถ่ายทอดพรีเมียร์ลีกได้ราว 10,500–12,500 ล้านบาทต่อปี
ทางด้าน MONO ใช้กลยุทธ์ต้นทุนต่ำ-ปริมาณสูง โดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนลิขสิทธิ์แพงเช่น JAS อีกทั้งยังมีแพลตฟอร์ม Monomax อยู่แล้ว ช่วยให้ต้นทุนต่อสมาชิกต่ำ ต้นทุนหลักจะอยู่ที่ค่าบริการเครือข่ายจัดส่งเนื้อหา หรือ Content Delivery Network (CDN), บุคลากรด้านเทคนิค, บริการเฉพาะทาง และกิจกรรมการตลาด
อีกทั้ง MONO จะถึงจุดคุ้มทุนเมื่อมีสมาชิกประมาณ 700,000 ราย โดยมีต้นทุนรวมรายเดือนราว 30–35 ล้านบาท เมื่อผ่านจุดคุ้มทุนแล้ว ต้นทุนผันแปรจะลดเหลือค่าบริการ CDN ประมาณ 5 บาทต่อสมาชิกต่อเดือน ซึ่งหมายความว่า MONO จะได้กำไรสุทธิหลังหักภาษีราว 30 บาทต่อสมาชิกเพิ่มเติมต่อเดือน หากสามารถเข้าถึงตลาดได้ 7–8 ล้านราย MONO อาจสร้างกำไรสุทธิจากพรีเมียร์ลีกได้ราว 2,300–2,600 ล้านบาทต่อปี
โดยผลสำรวจพบว่า 63% ของแฟนบอล EPL ใช้บริการโทรศัพท์มือถือหรืออินเทอร์เน็ตบ้านจาก AIS หรือ 3BB อยู่แล้ว ขณะที่ 55% ยังใช้บริการของ TRUE หรือ DTAC โดยบางรายใช้บริการหลายค่ายร่วมกัน เมื่อสอบถามถึงพฤติกรรมกรณีสิทธิ์ถ่ายทอด EPL ย้ายจาก TRUE ไปยัง MONOMAX พบว่า 42% ของแฟนบอลเป็นลูกค้า AIS อยู่แล้ว และมีแผนจะสมัคร MONOMAX และอีกส่วนหนึ่ง 20% ที่ใช้บริการของ TRUE หรือ DTAC กำลังพิจารณาย้ายไปใช้ AIS เพื่อรับสิทธิ์ดู EPL ราคา 199 บาท/เดือน
สำหรับจุดที่น่าสนใจคือมีเพียง 17.6% ของแฟนบอลที่ระบุว่าจะไม่สมัครแพ็กเกจ EPL ฤดูกาลหน้า โดยมีแนวโน้มจะยังคงรับชมผ่านช่องทางเป็นทางการ ซึ่งตัวเลขนี้ลดลงอย่างมากจากฤดูกาลก่อนที่มีถึง 60% ใช้ช่องทางเหล่านั้น แสดงให้เห็นว่า JAS อาจเข้าถึงฐานแฟนบอลพรีเมียร์ลีกในไทยได้มากถึง 83% ผ่านการสมัครแบบจ่ายเต็มหรือแพ็กเกจราคาพิเศษผ่าน AIS (199 บาทต่อเดือน)