
TIDLOR รายได้สินเชื่อ-นายหน้าพุ่ง พ่วงตั้งสำรองลด ดันกำไร Q3 โต 43% ทะลุ 1.4 พันล้าน
TIDLOR รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 จำนวน 1,406.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.99% จากช่วงปีก่อน หนุนด้วยรายได้จากธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกันที่เติบโตต่อเนื่อง พร้อมควบคุมต้นทุนและลดผลขาดทุนด้านเครดิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 และงวด9 เดือนแรกของปี สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ดังนี้
บริษัทรายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 1,406.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.99% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 983.55 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของรายได้ทั้งจากธุรกิจสินเชื่อ และนายหน้าประกัน คุณภาพสินเชื่อรวมที่ดีขึ้นส่งผลให้ผลขาดทุนด้านเครดิตลดลง และการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 5.927.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.70% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน จากทั้งรายได้ดอกเบี้ยรับตามการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อรวม และจำนวนลูกหนี้สินเชื่อ และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการจากธุรกิจนายหน้าประกันภัย
กลุ่มบริษัท มีพอร์ตสินเชื่อคงค้างรวม 107,324.20 ล้านบาท เติบโต 4.50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน จากการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ของพอร์ตสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ขณะที่จำนวนลูกค้าสินเชื่อเพิ่มขึ้น 9.60% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน กลุ่มบริษัทยังคงมุ่งเน้นการขยาย ฐานลูกค้าอย่างมีคุณภาพภายได้นโยบายการปล่อยสินเชื่อที่รอบคอบ โดยการเติบโตมาจากทั้งช่องทางสาขากว่า 1,865 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ และจากช่องทางดิจิทัล โดยเฉพาะการใช้งานบัตรติดล้อและบริการ E-Withdrawal ที่ปริมาณการใช้งาน ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มการเข้าถึงและยกระดับบริการ
ด้านคุณภาพสินทรัพย์ ยังคงอยู่ในระดับที่ดี อัตราสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL Ratio) ปรับลดลง มาอยู่ที่ 1.66% จาก 1.78% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการอนุมัติสินเชื่ออย่างรอบคอบ คุณภาพสินทรัพย์ที่ปล่อย ใหม่คงอยู่ในระดับที่ดี การติดตามหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ และโครงการ “คุณสู้ เราช่วย ขณะที่อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อ ด้อยคุณภาพ (NPL Coverage Ratio) ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้ามาอยู่ที่ 283.90% สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนช่วย ให้อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อ (Credit Cost) ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 2.20% จาก 3.90% ในช่วงไตรมาสเดียวกัน ของปีก่อนหน้า
ธุรกิจนายหน้าประกันภัย ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมีเบี้ยประกันวินาศภัยรวม 2,607.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.70% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ปัจจัย ขับเคลื่อนมาจากทั้งความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และช่องทางการชายที่ครอบคลุม รวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามา ยกระดับบริการ ผ่าน 3 แบรนด์หลักอย่าง ประกันติดโล่ อารีเกเตอร์ และเฮ้กู๊ดดี้ ที่ช่วยขยายฐานลูกค้าและโอกาสการเติบโตของ ธุรกิจประกันภัยในทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนี้ รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจนายหน้าประกันภัยยังคงเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลัก ของกลุ่มบริษัท
ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 4,157.10 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 4.90% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากการปรับลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตอยู่ที่ 587.0 ล้านบาท ลดลง 41.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน สอดคล้องกับคุณภาพหนี้ของพอร์ตสินเชื่อรวมที่ปรับตัวดีขึ้น ตามการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ ส่งผลให้ระดับการตัดหนี้สูญสุทธิปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ อัตราส่วนผล ขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อ (Credit Cost) ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 2.20%
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2568 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 3,900.66 เพิ่มขึ้น 23.23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3,165.28 ล้านบาท จากการขยายตัวของรายได้รวม 5.70% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน การบริหารคุณภาพสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรอบคอบ ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทยังคงมี โครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งและสภาพคล่องที่มั่นคง รองรับการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว พร้อมการขยายรายได้จากธุรกิจ นายหน้าประกันภัย ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ


