
TCAP รายได้ประกัน-ส่วนแบ่งบริษัทร่วมพุ่ง ดันกำไร Q3 โต 26% แตะ 2.08 พันล้านบาท
TCAP เผยไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิ 2,078 ล้านบาท โต 26% จากช่วงปีก่อน รับอานิสงส์จากรายได้ประกันภัย-ส่วนแบ่งบริษัทร่วมแข็งแกร่ง ส่งผลให้งวด 9 เดือน กำไรสุทธิ 5,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน
TCAP รายได้ประกัน-ส่วนแบ่งบริษัทร่วมพุ่ง ดันกำไร Q3 โต 26% แตะ 2.08 พันล้านบาท
นายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี กรรมการผู้จัดการใหญ่ TCAP เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,078.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.29% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,645.74 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการรับประกันภัย และประกันชีวิตสุทธิเพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมปรับเพิ่มขึ้นตามผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมที่ดีขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นปรับลดลงตามคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทย่อยที่ปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่รายได้เงินปันผลลดลงตามฤดูกาล
ขณะที่ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนชาตในงวด 9 เดือนปี 2568 สะท้อนถึงการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจที่ TCAP ลงทุน ทั้งบริษัทย่อยหลัก ได้แก่ ราชธานีลิสซิ่ง ธนชาตประกันภัย และธนชาตพลัส รวมถึงบริษัทร่วมอย่าง ธนาคารทหารไทยธนชาต เอ็มบีเค และพีอาร์จี คอร์ปอเรชั่น ที่สร้างผลกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะปรับลดลง ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย
ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นทั้งรายได้จากการรับประกันภัยสุทธิตามความสามารถในการบริหารธุรกิจประกันภัย และรายได้เงินปันผลเพิ่มขึ้นตามการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของบริษัทฯ ประกอบกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตฯ อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ TCAP และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทฯ งวด 9 เดือนปี 2568 จำนวน 5,856 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 12% จากงวดเดียวกันปีก่อนของปีก่อน 5,217.28 ล้านบาท
โดยหลังจากที่ TCAP ได้ดำเนินการขายหุ้นทั้งหมดในบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TNS ให้แก่ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ TTB เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมาและ TCAP ได้รับเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 3,000 ล้านบาท บริษัทฯ ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปลงทุนเพิ่มเติม ทั้งเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทย่อย ลงทุนในธุรกิจทางการเงินที่มีศักยภาพ และชำระคืนหุ้นกู้บางส่วน เพื่อบริหารผลตอบแทนและต้นทุนทางการเงิน ตลอดจนเสริมสร้างความมั่นคงแข็งแรงให้กับ TCAP ได้ในระยะยาว
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นในปี 2568 นี้ คณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นของ TCAP เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 ในอัตราหุ้นละ 1.30 บาท ซึ่งเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท โดย TCAP ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา

