5 กูรูประสานเสียงเชียร์ “ซื้อ” CKกำไรปีนี้สเปเชียล-ลุ้นงานรถไฟฟ้า

5 โบรกเกอร์เห็นพ้องเชียร์ "ซื้อ" CK หลังมองเป็น Laggard play รับประเด็นบวกและปีนี้ (2559) ถือเป็นปีโครงการไซยะบุรี คาดบันทึกรายได้ส่วนนี้ราว 1.40 หมื่นล้านบาท


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์จาก 5 บริษัทหลักทรัพย์ ที่เห็นพ้องเชียร์ “ซื้อ” หุ้น บริษัทบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK โดยมองว่าเป็น Laggard play ขณะที่ในปีนี้ถือเป็นปีที่ดีเป็นพิเศษ อีกทั้งมี Upside จากราคาเป้าหมายสูง

ตารางแสดง Upside จาก 5 บริษัทหลักทรัพย์

 

ด้าน นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะนำ “ซื้อ” หุ้น CK จากคาดการณ์ว่าผลประกอบการปี 59 ถือเป็นปีที่ดีเป็นพิเศษ เนื่องจากได้งานโครงการไซยะบุรีส่วนเพิ่ม ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้ส่วนนี้ประมาณ 1.40 หมื่นล้านบาท โดยต้องรอดูว่าจะบันทึกรายได้เข้าในไตรมาส 2/59 เลยหรือไม่ และจะบันทึกรายได้นี้ทั้งก้อน หรือจะทยอยรับรู้รายได้ในแต่ละไตรมาส ขณะที่ CK ได้มีรายได้จากไซยะบุรีเข้ามาส่วนหนึ่งแล้ว

นอกจากนี้ CK ยังได้ประโยชน์จากการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพูด้วย เงื่อนไขการเข้าร่วมประมูล (PPP) จะลงทุนก่อสร้าง 4-5 ปี และให้สิทธิในการบริหาร 30 ปี โดยมองไปที่การจับของ BTS-STEC และ CK-BEM สองกลุ่มนี้น่าจะมีโอกาสได้งานโครงการดังกล่าวพร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ที่ 2.48 พันล้านบาท จากปี 2558 ที่มีกำไรสุทธิ 2.19 พันล้านบาท

 

ขณะเดียวกันนายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า CK เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ได้ประโยชน์จากบริษัทลูกทั้ง BEM และ CKP ที่สร้างช่วยสร้างงานให้แก่ CK ได้ และยังได้ผลบวกจากการลงทุนในบริษัทลูกด้วย

ทั้งนี้ คาดว่าผลประกอบการของ CK ในปีนี้จะมีกำไรสุทธิประมาณ 2.40 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปี 58 โดยได้ประโยชน์จากโครงการไซยะบุรีส่วนเพิ่มที่คาดว่าจะบันทึกรายได้ในปีนี้ประมาณ 1.40 หมื่นล้านบาท ซึ่ง CK ยังมีวงเงินเหลือที่ยังไม่บันทึกอยู่อีก 1.20 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ CK ยังมีโอกาสได้งานในโครงการรถไฟฟ้า ซึ่งถ้าหากได้งานเข้ามามากก็มีโอกาสที่จะปรับเพิ่มประมาณการในปีหน้า (2560)

 

นอกจากนี้ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะนำ “ซื้อ” หุ้น CK โดยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 37 บาท จากเดิม 28 บาท มองว่าเป็น laggard play ที่มีปัจจัยกระตุ้นรออยู่หลายเรื่อง ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 2/59 จะอยู่ที่ 437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 74% จากปีก่อน คาดว่ารายได้จากการก่อสร้างจะทรงตัวจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 9 พันล้านบาท โดยรายได้หลักยังมาจากโครงการไซยะบุรี ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นก็น่าจะทรงตัวจากไตรมาสก่อน อยู่ที่ 8.9%

โดย CK อาจจะรับรู้รายได้จากการก่อสร้าง 1.1-1.2 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 2/59 จากเนื้องานที่เพิ่มขึ้นของโครงการไซยะบุรี  ซึ่งหากมีการรับรู้รายได้ก้อนนี้จริง ก็จะทำให้ประมาณการกำไรสุทธิ ไตรมาส 2/59 มี upside อีก 53-79% จากสมมติฐานอัตรากำไรสุทธิ (net profit margin) ที่ 2-3%

นอกจากนี้ ยังมองว่าจะมีข่าวบวกอีกในครึ่งปีหลังของปี 59 จากการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(5.2 หมื่นล้านบาท), สายสีชมพู (5.35 หมื่นล้านบาท) และสายสีส้ม (8.3 หมื่นล้านบาท) โดยคาดว่า CK จะได้งานมูลค่า 7 หมื่นล้านบาท พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 2.02 พันล้านบาท

 

ด้านราคาหุ้น CK ปิดตลาดวันที่ (29 ก.ค.) 33.75 บาท ปรับตัวขึ้น 1.25 บาท หรือ 3.85% สูงสุดที่ 34 บาท ต่ำสุดที่ 32.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.88 พันล้านบาท   

Back to top button