เจอแล้ว! 15 หุ้นเทิร์นอะราวด์ กำไรปี 59 โตต่อเนื่อง

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ประจำปี 58 งวดสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 58 โดยพบว่า มี 15 หลักทรัพย์ที่มีความน่าสนใจต่อการลงทุนในช่วงปี 59 เป็นอย่างมาก


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ได้ทำการสำรวจผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ประจำปี 2558 งวดสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 58 โดยพบว่ามี 15 หลักทรัพย์ที่มีความน่าสนใจต่อการลงทุนในช่วงปี 2559 เป็นอย่างมาก เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีผลประกอบการที่โดดเด่นในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนอย่างรุนแรง และสามารถฟื้นกลับมามีกำไรในปี 58 อีกทั้งยังมีศักยภาพที่จะทำกำไรให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในปี 59 และในอนาคต

ตารางแสดงผลการดำเนินงาน เรียงลำดับจากหลักทรัพย์ที่ทำกำไรในปี 58 มากที่สุด

table-fix_1

 

โดยอันดับ 1 คือ บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI และรวมของบริษัทย่อย รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 58 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.58 พลิกมีกำไรสุทธิ 2.03 พันลบ.หรือมีกำไรต่อหุ้น 0.90 บ. เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 304.46 ลบ. หรือขาดทุนต่อหุ้น 0.13 บ. เนื่องจากได้รับเงินชดเชยความเสียหายชำระก่อนบางส่วนจากเหตุอัคคีภัยมากถึง 1.64 พันลบ. เทียบปีก่อนอยู่ที่ 820 ลบ.

อันดับ 2 บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO และรวมของบริษัทย่อยรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 58 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.58 พลิกมีกำไรสุทธิ 1.7 พันลบ.หรือมีกำไรต่อหุ้น 0.49 บ. เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 1.03 หมื่นลบ. หรือขาดทุนต่อหุ้น 2.98 บ. เนื่องจากการขาดทุนสต๊อคที่ลดลงและค่าการกลั่นอุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับสูง

อันดับ 3 บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP และรวมของบริษัทย่อยรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.58 พลิกมีกำไรสุทธิ 1.12 พันลบ.หรือมีกำไรต่อหุ้น 1.21 บ. เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 514.30 ล้านบาท หรือขาดทุนต่อหุ้น 0.56 บ. เนื่องจากต้นทุนขายและต้นทุนบริการลดลง จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมาก

อันดับ 4 บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL และรวมของบริษัทย่อยรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.58 พลิกมีกำไรสุทธิ 753.15 ลบ.หรือมีกำไรต่อหุ้น 0.23 บ. เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 998.68 ลบ. หรือขาดทุนต่อหุ้น 0.57 บ. เนื่องจากบริษัทมีรายได้รวมใน เพิ่มขึ้นโดยส่วนใหญ่มีรายได้จากกำไรจากการขายเครื่องจักร และขายที่ดินรวมถึงกำไรจากการซื้อธุรกิจ

อันดับ 5บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) หรือ VNT และรวมของบริษัทย่อยรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.58 พลิกมีกำไรสุทธิ 566.02 ลบ.หรือมีกำไรต่อหุ้น 0.48 บ. เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 963.72 ลบ.หรือขาดทุนต่อหุ้น 0.81 บ. เนื่องจากต้นทุนขายลดลง โดยส่วนใหญ่มาจากราคาเฉลี่ยของเอธิลีนที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบ

อันดับ 6 บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) หรือ CSL และรวมของบริษัทย่อยรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.58 พลิกมีกำไร 315.10 ลบ.หรือมีกำไรต่อหุ้น 0.53 บ. เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 149.94 ลบ. หรือขาดทุนต่อหุ้น 0.25 บ. เนื่องจากรายได้จากการขายและการให้บริการเพิ่มขึ้น

อันดับ 7 บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW และรวมของบริษัทย่อยรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.58 พลิกมีกำไรสุทธิสุทธิ 197.87 ลบ.หรือมีกำไรต่อหุ้น 0.0797 บ. เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 111.58 ลบ. หรือขาดทุนต่อหุ้น 0.0451 บ.เนื่องจากบริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้ธุรกิจโรงแรม-รายได้ค่าเช่า และค่าบริการเพิ่มขึ้น

อันดับ 8 บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK และรวมของบริษัทย่อยรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.58 พลิกมีกำไรสุทธิ 163.66 ลบ. หรือมีกำไรต่อหุ้น 0.394 บ. เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 16.02 ลบ. หรือขาดทุนต่อหุ้น 0.042 บ. เนื่องจากมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจรายการโทรทัศน์ ประกอบด้วยรายได้จากการโฆษณาและโปรโมทผ่านสื่อของบริษัทในช่องทางต่างๆ รวมถึงมีรายได้จากการให้เช่าช่วงเวลาออกอากาศ และรับจ้างผลิตรายการเพื่อออกอากาศในสถานีของบริษัท และสถานีโทรทัศน์อื่น นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการจัดคอนเสิร์ตและละครเวทีเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนในการผลิตลดลงเล็กน้อย

อันดับ 9 บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI และรวมของบริษัทย่อยรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.58 พลิกมีกำไรสุทธิ 131.67 ลบ.หรือมีกำไรต่อหุ้น 0.19 บ. เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 27.80 ลบ. หรือขาดทุนต่อหุ้น 0.04 บาท เนื่องจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น อีกทั้งรายได้จากการประกอบกิจการโรงแรมและรายได้จากค่าเช่าและบริการเพิ่มขึ้น

อันดับ 10 บริษัท อาร์พีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ RPC และรวมของบริษัทย่อยรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.58 พลิกมีกำไรสุทธิ 100.22 ลบ.หรือมีกำไรต่อหุ้น 0.08 บ. เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 251.50 ลบ. หรือขาดทุนต่อหุ้น 0.20 บ.เนื่องจากต้นทุนขายลดลง ตามสภาวะตลาดน้ำมันโลกมีการปรับตัวลดลงมากจากต้นปี 58 ขณะเดียวกันบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง

 

ส่วนอันดับ 10-15 เป็นหุ้น WIIK, SR, INET, TFI และ TMI พลิกมีกำไรได้โดดเด่นเช่นกัน และผลงานที่พลิกมีกำไรส่วนใหญ่มาจากรายได้จากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น และมีการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นหลักดังตารางข้างต้น

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้นเป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำหรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตามล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button