
“อนุทิน” แถลงนโยบายย้ำทำได้แน่ – “ชลน่าน” ซัด 4 เดือนเพื่อ 4 ปี “ณัฐพงษ์” เน้นแก้รธน.
นายกฯ “อนุทิน” แถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภา ชู 5 ด้านหลัก 15 เรื่อง ชู คนละครึ่งพลัส เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ–หนี้ประชาชน–SMEs–คลายพิพาทกัมพูชา พร้อมหนุนทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ขณะที่ฝ่ายค้าน “ณัฐพงษ์” เน้นแก้หมวด 15/1 ยึดโยงประชาชน ด้าน “หมอชลน่าน” ซัด “4 เดือนเพื่อ 4 ปี”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ก.ย. 2568) เวลา 09:35 น. ที่ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม
นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของตนยึดหลักการสำคัญ 3 ประการ คือ การพิทักษ์รักษาสถาบันหลักของชาติ การยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการบริหารราชการแผ่นดินบนหลักนิติธรรมและธรรมาภิบาล เพื่อประโยชน์ของประชาชน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลเข้าสู่การบริหารราชการแผ่นดินท่ามกลางความไม่แน่นอนรอบด้าน ด้วยเวลาจำกัดและงบประมาณที่ไม่ได้เป็นผู้จัดทำ อีกทั้งยังเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จึงจำเป็นต้องเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าควบคู่การวางรากฐานการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน พร้อมย้ำสนับสนุนการทำประชามติและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยึดโยงกับประชาชนและสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน
สำหรับ สรุปนโยบายเร่งด่วน 5 ด้านหลัก 15 เรื่อง ที่รัฐบาลกำหนด ได้แก่
- เศรษฐกิจ เดินหน้าโครงการ “คนละครึ่ง” รูปแบบใหม่ แก้หนี้ประชาชน เพิ่มสภาพคล่อง SMEs 1 ล้านราย ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว และตั้งทีมไทยแลนด์รับมือสงครามการค้า
- ความมั่นคง เร่งคลี่คลายปมพิพาทไทย–กัมพูชาด้วยแนวทางสันติภาพ และแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ควบคู่การพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต
- สังคม ปราบปรามการพนันผิดกฎหมาย ขจัดทุจริต คุ้มครองศาสนา และรักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด
- สิ่งแวดล้อม ติดตั้งระบบเตือนภัยพิบัติในพื้นที่เสี่ยง ฟื้นฟูผู้ประสบภัย และผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ
- การบริหารภาครัฐและกฎหมาย เร่งพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ปฏิรูปกฎหมาย–กฎระเบียบ และส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยภาคเอกชน
ด้าน ฝ่ายค้าน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายย้ำความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการผลักดัน “หมวด 15/1” ให้แล้วเสร็จก่อนการยุบสภา โดยต้องยึดโยงกับประชาชนมากที่สุดและอยู่ในกรอบของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมยืนยันว่า การตรวจสอบของฝ่ายค้านไม่ใช่เพื่อให้รัฐบาลนำอำนาจไปใช้โดยมิชอบ หรือแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม แต่เพื่อเปิดประตูสู่อนาคตใหม่ของประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ปราศจากรัฐประหาร
ขณะที่ พรรคเพื่อไทย มาในแคมเปญ “4 เดือนยุบคดี กับ 4 หายนะ” โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายเป็นคนแรก ระบุว่า นโยบายที่นายกรัฐมนตรีแถลงวันนี้สะท้อนข้อจำกัดทั้งเรื่องเวลาและสถานะรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ต้องปฏิบัติตามบทเฉพาะกาล จึงเป็นได้เพียง “รัฐบาลเฉพาะกิจ” ที่ทำได้เท่าที่กฎหมายกำหนด
นพ.ชลน่าน ตั้งคำถามถึงบันทึกความเข้าใจ (MOA) ที่เคยระบุว่าจะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่กลับเหลือเพียงการจัดทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันเลือกตั้ง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า “รัฐธรรมนูญฉบับใหม่หายไปไหน จะเบี้ยวหรือไม่” พร้อมกันนี้ยังวิจารณ์ว่า สิ่งที่รัฐบาลนำเสนอเป็นเพียง นโยบายเฉพาะกิจเพื่อสร้างความนิยม มากกว่าการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง โดยสรุปว่าเป็น “4 เดือน เพื่อ 4 ปี” และสุดท้ายจะกลายเป็นการ “กินรวบประเทศไทย”
ย้ำรัฐบาลโปร่งใส–พร้อมทำหน้าที่ “รัฐบาลเฉพาะกิจ” คืนอำนาจประชาชน
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงการอภิปรายของ นพ.ชลน่าน โดยยืนยันว่า ทุกนโยบายที่รัฐบาลแถลงสามารถทำได้ ส่วนจะทำได้ดีเพียงใด ตนขอยืนยันว่าจะทำดีที่สุด เพราะกว่าจะมาถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ใช้เวลาหลายสิบปี และต้องถือโอกาสนี้พิสูจน์ผลงาน
นายอนุทิน กล่าวว่า ตนทำความเข้าใจกับรัฐมนตรีทุกคนแล้ว แม้จะมาจากต่างพรรค แต่ต้องทำงานเสมือนพรรคเดียวกัน โดยยึดหลักความใจกว้าง พร้อมชื่นชมและสนับสนุนผู้ที่ทำงานสำเร็จ ทั้งนี้ยืนยันว่า ทุกคนที่อยู่ในรัฐบาลล้วนผ่านการคัดเลือกด้วยตนเอง มีทั้งคุณงามความดี ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ตลอดจนได้รับความไว้วางใจจากประชาชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า รัฐบาลตระหนักถึงความกังวลเรื่องความโปร่งใส ซึ่งตนได้บันทึกทุกข้อสังเกตไว้ พร้อมย้ำว่าการทำงานทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบ สามารถตรวจสอบได้เต็มที่ พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลนี้ต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้
ในประเด็นอนาคตประชาธิปไตย นายอนุทิน ย้ำว่า รัฐบาลจะไม่ใช้อำนาจแบบเอาแต่ใจ แต่จะยึดเสียงส่วนใหญ่และรักษาหลักการ เพื่อวางรากฐานที่ดีให้ประชาธิปไตยเดินหน้าอย่างสดใส โดยยืนยันว่า “นายกฯ คนนี้ไม่มีใครมาบงการได้”
สำหรับข้อวิจารณ์ที่มองว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นเพียง “รัฐบาลเฉพาะกิจ” นายอนุทินชี้แจงว่า จะนับวันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นวันแรก และยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม 2569 ตามบันทึกความเข้าใจ (MOA) ที่เห็นพ้องกับพรรคประชาชน เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน โดยย้ำว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจที่จะเข้ามาแก้ไขความเสียหายจากรัฐบาลก่อน และจะทำทุกด้าน ทั้งเกียรติภูมิ เศรษฐกิจ และการบริหารอื่น ๆ ให้สำเร็จ
คำต่อคำ แถลงนโยบายรัฐบาล คลิกที่นี่