
ปิดฉากคดี “เหมืองทองอัครา” 8 ปี! “คิงส์เกต” ถอนฟ้อง หนุนเชื่อมั่นลงทุนไทย
นายกฯ ขอบคุณกระทรวงอุตสาหกรรม เจรจา “คิงส์เกต” ยุติข้อพิพาท ที่ยืดเยื้อนานกว่า 8 ปี โดยไม่ต้องมีคำตัดสินอนุญาโตตุลาการ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วันนี้ (2 ธ.ค.68) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวชื่นชมและขอบคุณกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ได้เป็นตัวกลางในการไปเจรจากับ คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด (Kingsgate Consolidated Limited) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบกิจการ เหมืองทองอัครา ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
ซึ่งได้ประกาศยุติข้อพิพาทกับรัฐบาลไทย ในเรื่องการยกเลิกทำเหมืองทองอัครา ซึ่งช่วงนี้ใกล้ที่จะมีการอ่านคำพิพากษา แต่เมื่อยินดีที่จะถอนฟ้อง ก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับคนไทย
นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การกำกับดูแลของนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐบาลได้ยุติข้อพิพาท “ไทย–คิงส์เกต” ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 8 ปี โดยไม่ต้องมีคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการ ถือเป็นความคืบหน้าสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงของประเทศ และเสริมความเชื่อมั่นต่อระบบการลงทุนของไทยในระยะยาว
รองโฆษกรัฐบาล คณะอนุญาโตตุลาการได้แจ้งผลอย่างเป็นทางการว่า “ไม่ต้องออกคำสั่งตัดสินคดี” หลังทั้งสองฝ่ายสามารถหาข้อยุติร่วมกัน ภายใต้กรอบกฎหมายไทย และหลักสากลด้านสิ่งแวดล้อม การกำกับดูแล และความปลอดภัย ซึ่งเป็นแนวทางที่นายธนกร ผลักดันมาโดยตลอด นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง
นายธนกร ได้สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใส รอบคอบ และรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะชุมชนรอบพื้นที่เหมือง พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับมาตรการกำกับดูแลเหมืองแร่ทั่วประเทศ ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชนซ้ำอีก
ขณะเดียวกัน บริษัทอัคราฯ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนการขออนุญาตภายใต้ พ.ร.บ.แร่ 2560 และข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด จนสามารถเริ่มประกอบกิจการได้อีกครั้งในปี 2566 ภายใต้ระบบตรวจสอบที่เข้มงวดยิ่งกว่าเดิม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การดำเนินการยุติคดีครั้งนี้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ลดความเสี่ยงจากข้อพิพาทระหว่างประเทศ และช่วยยืนยันว่าไทยมีระบบกำกับดูแลเหมืองแร่อย่างโปร่งใส เป็นธรรม และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมตามหลักสากล
“รัฐบาลเดินหน้าปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ควบคู่การสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่มั่นคงและน่าเชื่อถือ เพื่อให้ไทยยังคงเป็นจุดหมายพัฒนาอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมต่อเนื่องในอนาคต” นายธนกร กล่าว
ทั้งนี้ รองโฆษกรัฐบาล ย้ำว่า กระทรวงอุตสาหกรรมจะยังคงกำกับดูแลการประกอบกิจการเหมืองแร่ทุกพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินงานเกิดขึ้นภายใต้ความปลอดภัย โปร่งใส และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
จับตา! ทางออก “เหมืองทองอัครา” หลังกระทรวงอุตฯ เตรียมชง ครม.รับทราบ

