
“ดาวโจนส์” ปิดลบ 114 จุด นักลงทุนกังวล “หนี้สาธารณะ” สหรัฐพุ่ง
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบในวันอังคาร นักลงทุนขายทำกำไรหุ้นเทคโนโลยี ขณะความกังวลเรื่องหนี้สาธารณะ กดดันบรรยากาศการลงทุน ดัชนี S&P 500 ยุติสถิติปรับขึ้น 6 วันติดต่อกัน
ตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวลดลงในวันอังคาร (20 พ.ค.68) ดัชนี S&P 500 ยุติสถิติปรับขึ้นต่อเนื่อง 6 วันทำการ (12-19 พ.ค.68) หลังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่เผชิญแรงขาย ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้น
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 42,677.24 จุด ลดลง 114.83 จุด หรือ -0.27%
- ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 5,940.46 จุด ลดลง 23.14 จุด หรือ -0.39%
- ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 19,142.72 จุด ลดลง 72.75 จุด หรือ -0.38%
ดาวโจนส์ลดลงด้วยปัจจัยหลักจากแรงขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ และความกังวลของนักลงทุนต่อเสถียรภาพการคลังของสหรัฐ หลังมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับแผนลดหย่อนภาษีครั้งใหญ่ของรัฐบาล
เมื่อวันที่ 20 พ.ค.68 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เดินทางไปยังรัฐสภา (Capitol Hill) เพื่อโน้มน้าวสมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกัน ให้สนับสนุนร่างกฎหมายลดภาษีฉบับใหม่ ซึ่งนักวิเคราะห์เตือนว่า หากผ่านความเห็นชอบ อาจทำให้หนี้รัฐบาลกลางเพิ่มขึ้นอีก 3-5 ล้านล้านดอลลาร์ จากระดับปัจจุบันที่ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์
หุ้นในกลุ่ม “Magnificent Seven” ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ โดย Alphabet, Amazon, Apple และ Nvidia ร่วงลงในกรอบ 0.9-1.5% ขณะที่ Tesla ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% หลัง อีลอน มัสก์ ซีอีโอประกาศลดบทบาททางการเมือง และยืนยันว่า จะยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าบริษัทในอีก 5 ปีข้างหน้า
ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันต่อเนื่อง จากการที่ Moody’s ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลกลางสหรัฐ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะ 4.479% สะท้อนแรงขายจากนักลงทุนที่วิตกต่อภาระหนี้ที่อาจสูงขึ้นในอนาคต
ขณะที่หุ้น Home Depot ร่วง 0.6% หลังรายงานผลกำไรไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าคาดการณ์ แม้บริษัทระบุจะตรึงราคาสินค้าท่ามกลางแรงกดดันจากภาษีศุลกากร ต่างจาก Walmart ที่ส่งสัญญาณขึ้นราคาในสัปดาห์ก่อน ซึ่งถูกประธานาธิบดีทรัมป์วิจารณ์อย่างรุนแรง