ดาวโจนส์พุ่ง 500 จุด คลายกังวลตะวันออกกลาง – เฟดสงวนท่าทีลดดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งแรงในวันอังคาร (24 มิ.ย.68) รับข่าวข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวระหว่างอิหร่าน-อิสราเอล และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ช่วยลดแรงกดดันเงินเฟ้อ ขณะธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณ “รอดูข้อมูล” ก่อนตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ย

ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นทำจุดปิดสูงสุดใหม่ (record high close) นับตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ฟื้นตัวแรงในวันเดียวกัน

• ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 43,089.02 จุด เพิ่มขึ้น 507.24 จุด หรือ +1.19%
• ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 6,092.18 จุด เพิ่มขึ้น 67.01 จุด หรือ +1.11%
• ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 19,912.53 จุด เพิ่มขึ้น 281.56 จุด หรือ +1.43%

รอยเตอร์ รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ประกาศความสำเร็จของข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าว โดยผู้นำทั้งสองฝ่ายยืนยันผ่านช่องทางการทูต แม้สถานการณ์ยังเปราะบาง แต่ตลาดมองว่าเป็นพัฒนาการเชิงบวก ที่ลดความเสี่ยงต่อซัพพลายพลังงานและภาวะตึงเครียดระยะยาวในภูมิภาคตะวันออกกลาง

พร้อมกันนี้ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ร่วง 6.0% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ดิ่ง 6.1% หลังความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์คลี่คลาย ซึ่งช่วยลดแรงกดดันเงินเฟ้อ และหนุนหุ้นกลุ่มที่มีต้นทุนพลังงานสูง เช่น เทคโนโลยีและการขนส่ง ให้ปรับตัวขึ้นโดดเด่น

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงท่าทีระมัดระวัง โดยประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ แถลงต่อสภาคองเกรสว่า “ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมในการปรับลดดอกเบี้ย” พร้อมย้ำว่า จะประเมินผลกระทบจากภาษีนำเข้าและข้อมูลเงินเฟ้อเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจ ขณะที่ตลาดยังคาดว่า เฟดอาจเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงปลายไตรมาส 3 หากตัวเลขเศรษฐกิจสนับสนุน

ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด เช่น ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่ชะลอลงเล็กน้อย ยิ่งเสริมความเชื่อว่าเฟดจะไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยอีกในระยะใกล้

สำหรับหุ้นเด่นรายตัว ที่หนุนวอลสตรีทวานนี้ ได้แก่ กลุ่มชิป เช่น Broadcom, AMD, Intel, Micron ปรับขึ้นกว่า 4-6%,  กลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Apple, Nvidia, Microsoft ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ หุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น Chevron, ExxonMobil ปรับตัวลงตามราคาน้ำมันที่ร่วงแรง

นักลงทุนยังจับตาการประกาศ ดัชนีราคาการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Index) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ และจะเผยแพร่ในวันศุกร์นี้ รวมถึงการรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในสัปดาห์หน้า