
“ดาวโจนส์” ปิดบวก 497 จุด ขานรับเฟดหั่นดอกเบี้ยส่งท้ายปี 68
ดัชนีดาวโจนส์ทะลุ 48,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบเดือน ขานรับมติของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ส่งท้ายปี ตามคาดการณ์ของตลาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนวันพุธ (10 ธ.ค.68) ปิดบวก โดยดัชนีดาวโจนส์ทะลุระดับ 48,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบเดือนนี้ หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติ 9 ต่อ 3 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่กรอบ 3.50–3.75% ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของปีนี้
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 48,057.75 จุด เพิ่มขึ้น 497.46 จุด หรือ +1.05%
- ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 6,886.68 จุด เพิ่มขึ้น 46.17 จุด หรือ +0.67%
- ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 23,16 จุด เพิ่มขึ้น 77.67 จุด หรือ 0.33%
ดัชนี S&P 500 เกือบแตะระดับสูงสุดตลอดกาลอีกครั้ง ขณะที่ Nasdaq ขยายผลตอบแทนเชิงบวกตามภาพรวมของตลาดในวันดังกล่าว
ตลาดได้รับการสนับสนุนจากการที่ Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามคาดการณ์ ส่งผลให้มีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมหลักและหุ้นขนาดเล็ก ซึ่งช่วยดันดัชนีขึ้นสูง นักลงทุนคาดหวังว่าจะมีการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีหน้า
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น มีปัจจัยหนุนและกดดันที่แตกต่างกัน โดยหุ้นเทคโนโลยีบางตัวได้รับแรงซื้อที่โดดเด่น ขณะที่หุ้น Sony Group ADR ปรับตัวลง แม้ตลาดโดยรวมเป็นบวก
หุ้นขนาดใหญ่และกลุ่มอื่น ๆ เช่น Nike และ American Express มีการปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มโทรคมนาคมและสื่อ ซึ่งปรับตัวสวนกระแสของบางกลุ่มในตลาด
แม้ Oracle จะมีการเติบโตอย่างมหาศาลในส่วนของ Backlog ของ AI ที่โตถึง 438% จากการทำดีลกับ Meta, Nvidia, OpenAI แต่รายได้รวมต่ำกว่าคาด ทำให้นักลงทุนเริ่มกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและหนี้ที่อาจสูงเกินไป ทำให้หุ้น Oracle ร่วงต่อเนื่อง
แนวโน้มของตลาดยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่บ้าง โดยนักลงทุนจับตาการตัดสินใจนโยบายการเงินของเฟด และการพัฒนาภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด แม้ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยแล้วก็ตาม นักลงทุนยังคงคาดหวังความชัดเจนในการปรับนโยบายในปีหน้า

