KBS อยู่ในช่วงการขยายธุรกิจแนะซื้อแม้มีแรงกดดันราคาน้ำตาลในตลาดโลก

KBS โบรกฯชอบมากสุดในกลุ่มน้ำตาล ด้วยคาดว่า EPS จะเติบโตเฉลี่ยต่อปี ในปี 2015-18F ที่ 22% จากฐานรายได้ใหม่จากโครงการพลังงานชีวมวลและการขยายกำลังการผลิตน้ำตาล แม้ในระยะสั้นจะมีแรงกดดันจากราคาน้ำตาลในตลาดโลก แต่การเติบโตทางโครงสร้างยังคงเป็นไปตามแผนพร้อมอัตรากำไรที่ดีขึ้น และรายได้มีเสถียรภาพมากขึ้น แนะนำ "ซื้อ"


บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (29 มิ.ย.) ว่า บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน)หรือ KBS หลังจากได้เข้าพบผู้บริหารเพื่อสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนการขยายธุรกิจของบริษัทฯ และสถานการณ์ในปัจจุบัน แผนการขยายธุรกิจน้ำตาล และพลังงานชีวมวลของ KBS ยังคงเป็นไปตามแผนงาน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักขับเคลื่อนกำไรปี 58-61

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจน้ำตาลของบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการลดลงของราคาน้ำตาลในตลาดโลกเช่นกันซึ่งเป็นผลให้เราปรับลดสมมติฐานราคาน้ำตาลทรายดิบลงสะท้อนการฟื้นตัวของราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ล่าช้าออกไป แม้เราจะปรับลดประมาณการกำไรลง 38-42% ในปี 58-61 แต่ KBS ยังคงมี EPS เติบโตเฉลี่ยต่อปีในปี 58-61 ที่ 22% จากโครงการเอทานอล และโรงไฟฟ้าชีวมวลและมีอัตราส่วน PEG ที่ 0.5 เท่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเป้าหมาย DCF ที่ลดลงมาอยู่ที่ 12 บาท/หุ้น (จาก 15 บาท)

โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล 35MW ใหม่ของ KBS ดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีนี้ และได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้กับกฟผ. เราคาดว่าโครงการนี้จะสร้างกำไรให้ราว 100 ลบ. ในปี 58 และเพิ่มเป็น 135 ลบ. ในปี 59 ส่วนโครงการเอทานอลใหม่ขนาด 60 ล้านลิตรต่อปี KBS คาดว่าจะได้รับการอนุมัติการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) ช้ากว่าคาด อย่างไรก็ตาม เราคาดเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว โดยเราให้สมมติฐานอย่างระมัดระวังว่าโครงการเอทานอลจะเริ่มให้กำไรในปี 60 ที่ 100 ลบ. (แผนของ KBS คาดไว้ในปี 59) ซึ่งเป็นผลให้ธุรกิจพลังงานชีวมวลจะสร้างกำไรให้บริษัทฯ ในสัดส่วน 38% ของกำไรในปี 2017 จากที่ไม่มีเลยในปี 57 ซึ่งมองว่านี่เป็นเรื่องราวการเติบโตทางด้านโครงสร้างของ KBS 

การขยายกำลังการผลิตน้ำตาลของ KBS เป็นไปตามแผนที่จะดำเนินงานในปี 59 ด้วยเพิ่มกำลังการหีบอ้อย 50% เป็น 35,000 ตันต่อวัน จาก 23,000 ตัน การขยายกำลังการผลิตน้ำตาลนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับโครงการพลังงานชีวมวลของบริษัทฯ นอกจากนี้ เรายังมองบวกต่อแผนการปรับปรุงประสิทธิภาพของ KBS ในช่วง 2 ปีข้างหน้า ผ่าน 1) การเพิ่มการทำสัญญาการปลูกอ้อยเพื่อเพิ่มปริมาณอ้อย – วัตถุดิบหลักในการขยายกำลังการผลิตน้ำตาลและโครงการพลังงานชีวมวล 2) การปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต เช่น กระบวนผลิตและการบรรจุน้ำตาลทราย 

การอ่อนค่าลง 41% ของเงินสกุลเรียลบราซิล (BRL) เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เป็นปัจจัยหลักกดดันราคาน้ำตาลในตลาดโลก (US$) ให้ปรับตัวลง 38% ในช่วงเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตามการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมว่าน้ำตาลในตลาดโลกจะขาดแคลน 1.9 ล้านตันในปี 59 น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำตาลในตลาดโลกในปี 59 สมมติฐานราคาน้ำตาลทรายดิบของเราถูกปรับลงมาอยู่ที่ 14.3 เซนต์/ปอนด์, 13.0 เซนต์ และ 13.5 เซนต์ (จาก 18.5 เซนต์, 19.5 เซนต์ และ 19.5 เซนต์ ตามลำดับ) ราคาน้ำตาลทรายดิบเป็นราคาอ้างอิงของ KBS ในขณะที่ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ เป็นน้ำตาลระดับพรีเมี่ยม ซึ่งหมายความว่าราคาขายจะสูงกว่า ดังนั้นจึงมีอัตรากำไรที่สูงกว่า

 

Back to top button