สุมิตรา อวิรุทธ์นันท์

แพทย์หญิงสุมิตรา อวิรุทธ์นันท์ กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านทารกแรกเกิดและปริกำเนิด โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ 2 ในเครือ PRINC Group เปิดเผยว่า การเก็บนมแม่แช่แข็งอย่างไม่ถูกต้องอาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของลูกน้อย ทั้งในด้านการสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการ และความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะแม่มือใหม่ที่ยังไม่ทราบข้อควรระวังที่จำเป็น สำหรับการจัดเก็บนมแม่อย่างถูกวิธี ต้องคำนึงถึง “อุณหภูมิและเวลา” อย่างเคร่งครัด โดยอุณหภูมิห้องไม่ควรเกิน 25°C และเก็บได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมง ส่วนช่องแช่แข็งในตู้เย็นประตูเดียวเก็บได้สูงสุด 2 สัปดาห์ และหากใช้ตู้แช่แข็งแบบ Deep Freezer ที่อุณหภูมิ -18°C หรือต่ำกว่า สามารถเก็บได้นาน 6-12 เดือน ทั้งนี้ ต้องติดฉลากระบุวันที่ปั๊มทุกครั้งเพื่อให้สามารถใช้ระบบ FIFO ได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงการละลายนมแม่ในไมโครเวฟหรือใช้น้ำร้อนจัดเด็ดขาด เพราะจะทำลายโปรตีนและภูมิคุ้มกันในน้ำนม พร้อมทั้งอาจเกิด “จุดร้อน” ที่เป็นอันตรายต่อปากลูกน้อย วิธีที่ปลอดภัยคือการละลายในตู้เย็นล่วงหน้า หรือใช้วิธีแช่ในน้ำเย็นแล้วเติมน้ำอุ่นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และควรอุ่นนมด้วยน้ำอุ่นหรือเครื่องอุ่นนมโดยเฉพาะ ข้อควรระวังเพิ่มเติม ได้แก่ ห้ามนำ “นมที่ละลายแล้ว” กลับไปแช่แข็งซ้ำ และน้ำนมที่ลูกดูดแล้วเหลือต้องทิ้งทันทีเพื่อป้องกันการปนเปื้อน นอกจากนี้ แนะนำให้เก็บนมเป็นปริมาณเล็กน้อย (60-120 มล.) เพื่อสะดวกในการละลายและลดการสูญเสีย กรณีที่นมละลายแล้วมีกลิ่นหืน อาจเกิดจากเอนไซม์ไลเปส (Lipase) ซึ่งไม่เป็นอันตราย หากลูกยังยอมรับได้ แต่หากไม่ยอมกิน ควรลดระยะเวลาการจัดเก็บ หรือปรึกษาแพทย์ ทั้งนี้ PRINC Group ย้ำว่า “นมแม่” คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก และการดูแลจัดการอย่างถูกต้องเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาสารอาหารที่จำเป็นสำหรับพัฒนาการและภูมิคุ้มกันของลูกน้อย คุณแม่จึงควรให้ความสำคัญในทุกขั้นตอนตั้งแต่การปั๊ม การจัดเก็บ การละลาย ไปจนถึงการอุ่นก่อนให้นม สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามความรู้ด้านสุขภาพแม่และเด็กเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก PRINC Group หรือสอบถามบริการจากโรงพยาบาลในเครือใกล้บ้านได้ที่สายด่วน 1208