หุ้นร้านอาหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการสนับสนุนประชาชนในระบบภาษี โดยเพิ่มวงเงินใช้จ่ายในโครงการให้สูงกว่าผู้อยู่นอกระบบ พร้อมขยายสิทธิ์ให้ผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไปสามารถเข้าร่วมโครงการได้ โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ยังคงรูปแบบเดิมคือประชาชนจ่ายครึ่งหนึ่ง รัฐบาลสมทบอีกครึ่งหนึ่ง แต่ปรับเพิ่มวงเงินต่อวันจาก 150 บาท เป็น 200 บาท โดยรัฐสมทบสูงสุด 200 บาทต่อวันต่อคน รวมวงเงินใช้จ่ายสูงสุด 2,400 บาทตลอดโครงการ นอกจากนี้ ยังเพิ่มสิทธิ์ให้สามารถใช้จ่ายผ่านบริการ “ฟู้ดเดลิเวอรี” ได้เป็นครั้งแรก ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นการจับจ่ายและหนุนธุรกิจจัดส่งอาหารให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังขยายสิทธิ์ให้ผู้ประกอบการรายย่อยจากเดิมที่จำกัดเฉพาะบุคคลธรรมดา เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลขนาดย่อม รวมถึงกิจการบริการ เช่น ร้านทำผม และแท็กซี่ แต่ไม่รวมร้านสะดวกซื้อในรูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์ โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบงบประมาณดำเนินโครงการจำนวน 44,000 ล้านบาท ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายไม่เกิน 20 ล้านคน ทั้งนี้ ประชาชนสามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ระหว่างวันที่ 20–26 ตุลาคม 2568 และเริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมถึง 31 ธันวาคม 2568 ส่วนบริการ “ฟู้ดเดลิเวอรี” จะเปิดให้ใช้สิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายนเป็นต้นไป (เวลา 06:00–21:00 น.) ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงหนุนเชิงบวกต่อกลุ่มหุ้นขนส่งและบริการเดลิเวอรี ขณะเดียวกันด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DAOL ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มาตรการ “คนละครึ่งพลัส” ถือเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อหุ้นกลุ่ม Food & Beverage โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหาร ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากการบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเปิดให้สั่งอาหารผ่าน food delivery platform ที่ช่วยขยายช่องทางรายได้ของผู้ประกอบการ หุ้นเด่นที่คาดว่าจะได้รับผลเชิงบวก ได้แก่ บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO นักวิเคราะห์ประเมินว่าได้ประโยชน์โดยตรงจากยอดสั่ง food delivery ที่เพิ่มขึ้น โดยมีร้านอาหารในเครือ 7 แบรนด์ทั่วประเทศ ,บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M, บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN, บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ซึ่งทั้งหมดคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการบริโภคที่ขยายตัวผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรี โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นฤดูกาลจับจ่ายปลายปี อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่ขยายสิทธิ์ไปยังภาคบริการและกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง จะช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศระยะสั้น และเป็นแรงหนุนต่อเนื่องต่อกำไรของหุ้นในกลุ่มร้านอาหารและค้าปลีกในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้