SPALI ปักธงยอดขายปี 62 แตะ 3.5 หมื่นลบ. ลุยเปิด 34 โครงการใหม่ 4 หมื่นลบ.

SPALI ปักธงยอดขายปี 62 แตะ 3.5 หมื่นลบ. ลุยเปิด 34 โครงการใหม่ 4 หมื่นลบ.


นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 62 ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 5% จากปีก่อนที่ทำยอดขายได้ 3.33 หมื่นล้านบาท พร้อมวางแผนเปิดโครงการใหม่จำนวน 34 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 28 โครงการ และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ ซึ่งเป็นการเปิดโครงการในจำนวนที่สูงกว่าปีก่อนที่เปิดขายไป 25 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.59 หมื่นล้านบาท

ขณะที่รายได้ของบริษัทตั้งเป้าอยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 7% จากปีก่อนที่คาดว่าทำรายได้ตามเป้า 2.6 หมื่นล้านบาท และวางงบซื้อที่ดิน 8 พันล้านบาท

ส่วนภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้มองว่าการพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมจะใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังมีและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ แม้ว่าการเติบโตของตัวเลขทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงบ้าง แต่ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าบ้านหลังแรก

ปัจจัยหนุนยังมาจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่มีความชัดเจนออกมามากขึ้น ช่วยสนับสนุนกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการและเอสเอ็มอี ประกอบกับรายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยวยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งรายได้ของประชาชนหรือเงินเดือนที่เป็นรายได้ประจำยังคงเพิ่มขึ้นมากกว่าเงินเฟ้อ ทำให้ความสามารถในการซื้อของประชาชนเพิ่มมากขึ้น

ด้านปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องติดตามคงเป็นความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หนี้ครัวเรือน และมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ควบคุมอัตราส่วนการให้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านเทียบกับมูลค่าบ้าน (LTV) ส่งผลให้บ้านหลังที่สองหรือบ้านที่ราคาสูงกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไปได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นประเด็นที่บริษัทติดตามอย่างต่อเนื่อง แต่คาดว่าไม่กระทบกับกลุ่มลูกค้าของบริษัทมากนัก

อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการก่อสร้างคาดว่าจะทรงตัวจากปีก่อน และไม่เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานเหมือนหลายปีก่อนหน้า แต่ปัจจัยหลักที่ผู้ประกอบการจะต้องเผชิญ คือ ต้นทุนที่ดินที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งหากที่ดินราคาสูงเกินไปจะทำให้ผู้ประกอบการแบกภาระหนี้สินและภาระดอกเบี้ยที่สูง ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องคำนึงถึงสภาพคล่องของบริษัท และความสามารถในการพัฒนาและขายของบริษัทอย่างเหมาะสม ประกอบกับจะต้องบริหารสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและระบายออกมาเพื่อสร้างเป็นรายได้กลับมา

Back to top button