CBG ร่วง 5% สวนโบรกฯแนะ “ซื้อ” พร้อมคาดกำไรทั้งปีแตะ 3.83 พันลบ.

CBG ร่วง 5% สวนโบรกฯแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 181 บ. หลังกำไรไตรมาส 2 “ออลไทม์ไฮ” แตะ 967 ล้านบาท พร้อมประมาณกำไรสุทธิปีนี้ ที่ 3.83 พันลบ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (16 ส.ค.2564) ราคาหุ้น บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ปิดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 130.00 บาท ลดลง 7.50 บาท หรือ 5.45% โดยทำจุดสูงสุดที่ 142.00 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 128.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.92 พันล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ส.ค.2564) โดย CBG รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2564 ที่ 967 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 38% จากไตรมาสก่อนใกล้เคียงตลาดและทางฝ่ายวิจัยคาดกำไรขยายตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน หนุนโดย (1) รายได้รวมขยายตัว 11% จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ในประเทศเพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อนโดยรายได้ Distribution Business เพิ่มขึ้น 34% จากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ช่วยชดเชยรายได้จาก Branded Own ที่ปรับตัวลดลง 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ด้านรายได้ต่างประเทศทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2,522 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ CLMV และจีนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (2) อัตรากำไรขั้นต้น GPM ปรับตัวลดลงจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำตาลและ Aluminum coil และ (3) SG&A to total sales ปรับตัวลดลงจากค่าใช้จ่าย Sponsorship ที่ลดลง ด้านกำไรที่ขยายตัวจากไตรมาสก่อนส่งผลจากรายได้ทั้งในและต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 3,825 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหนุนโดย (1) รายได้รวมขยายตัว 11%จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ Domestic Branded Own เพิ่มขึ้น 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนโดยรายได้เครื่องดื่มชูกำลังขยายตัว 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและรับรู้รายได้จาก Woody C+Lock เต็มปี, รายได้ Distribution Business ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 36% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและรายได้จากต่างประเทศขยายตัว 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากรายได้จีนเพิ่มขึ้น 100% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและเมียนมาที่เติบโตโดดเด่น

อีกทั้ง (2) GPM ที่ 39.30% ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจาก GPM ของต่างประเทศปรับตัวลดลงจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และ (3) SG&A to total sales ปรับตัวลดลงจากค่าใช้จ่าย Sponsorship ที่ลดลง อย่างไรก็ตามทางฝ่ายวิจัยยังไม่ได้รวมรายได้จากผลิตภัณฑ์ผสมกัญชงที่คาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนในไตรมาส 4/2564และผลกระทบเชิงบวกจากการปรับสูตรลดน้ำตาลในประมาณการซึ่งมีโอกาสปรับสูตรได้เร็วสุดในครึ่งปีหลัง 2564 หากปรับสูตรลดน้ำตาลเหลือ 0-6 g/100 ml จะมี Cost Saving ที่ 320 – 340 ล้านบาทต่อปี

สำหรับปี 2565 ทางฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิที่ 4,765 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหนุนโดย (1) รายได้รวมขยายตัว 17% จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ที่ขยายตัวในทุกธุรกิจ และ (2) GPM ขยายตัวจากต้นทุน Packaging ที่ลดลง และ Utilization Rate ที่ปรับตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ดียังคงราคาเป้าหมายเป็นปี 2565 ที่ 181 บาท อิงค่า PER 38 เท่า แม้กำไรปี 2564 ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 แต่ก็ยังทำสถิติสูงสุดใหม่ อีกทั้งยังเติบโตต่อเนื่อง 25% จากงวดเดียวกันของปีก่อนในปี 2565 จากปัจจัยพื้นฐานที่ยังคงดีต่อเนื่อง

Back to top button