TFG บวกแรง 6% นิวไฮรอบ 14 เดือน มั่นใจรายได้ปี 65 โต 15% ยอดส่งออก-ราคาขายไก่พุ่ง

TFG บวกแรง 6% นิวไฮรอบ 14 เดือน มั่นใจรายได้ปี 65 โต 10-15% ยอดส่งออก-ราคาขายไก่พุ่ง แถมอานิสงส์บาทอ่อน แนะซื้อเป้า 5.70 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 มิ.ย.2565) ราคาหุ้นบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ณ เวลา 15:45 น. อยู่ที่ระดับ 5.40 บาท บวก 0.30 บาท หรือเพิ่มขึ้น 5.88% โดยทำจุดสูงสุดที่ 5.45 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 5.05 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 129.14 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮในรอบ 14 เดือนโดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 5.40 บาท เมื่อวันที่ 1 เม.ย.2564

โดยก่อนหน้านี้(1มิ.ย.2565)นายเพชร นันทวิสัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ TFG เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบต่ออุปทานไก่ทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรป (ไม่รวมอังกฤษ) ที่มีการนำเข้าไก่จากยูเครนสัดส่วนกว่า 20% ของปริมาณนำเข้า ส่งผลให้ยอดส่งออกไก่ไปต่างประเทศในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยปีนี้คาดยอดส่งออกไก่ไปต่างประเทศจะเพิ่มขึ้น ประมาณ 20% ทั้งในส่วนของไก่ดิบ ไก่แช่แข็ง และไก่ปรุงสุก ซึ่งยอดขายส่วนใหญ่จะเติบโตจากการส่งออกไก่ไปยุโรปเป็นหลัก และคาดว่ารายรับจากการส่งออกไก่ไปต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 20-30% ของรายได้จากการขาย โดยฐานการส่งออกไก่ไปต่างประเทศที่สำคัญอยู่ในยุโรป ญี่ปุ่น  จีน และมาเลเซีย

นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยบวกจากกรณีที่มาเลเซียระงับการส่งออกไก่ 3.6 ล้านตัวต่อเดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้ เพื่อแก้ปัญหาราคาไก่ในประเทศแพง จากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น หลังมีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้มีโอกาสที่สิงคโปร์ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่จะหันมานำเข้าไก่จากไทยมากขึ้น เพื่อทดแทนที่นำเข้าจากมาเลเซีย

“แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้คาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากการฟื้นตัวของยอดขายและราคาขาย โดยเฉพาะไก่ส่งออกและไก่ปรุงสุกในต่างประเทศ เนื่องจากภาวะการขาดแคลนอาหารที่เกิดขึ้นทั่วโลก จากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน อีกทั้งสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว” นายเพชร กล่าว

สำหรับกลุ่มบริษัทวางเป้าหมายรวมในปี 2565 จะเติบโตประมาณ 10-15% จากปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย อีกทั้งยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาขายหมู และไก่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ตามดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ตั้งงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท เพื่อลงทุนในธุรกิจสุกรทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม

ขณะเดียวกัน ยังมีแผนขยายฐานรายย่อยผ่านการขยายสาขา ร้านไทย ฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต เพื่อช่วยกระจายผลิตภัณฑ์ของ TFG ให้กับลูกค้ารายย่อยโดยตรง สามารถส่งต่อสินค้าคุณภาพในราคาเหมาะสม โดยบริษัทตั้งเป้าขยายสาขาในปี 2565 เพิ่มเป็น 200 สาขา และมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการประมาณ 40,000 คนต่อวัน

ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ “ซื้อ” TFG  โดยอยู่ระหว่างปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 5.70 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/65  ยังดีต่อทั้งเทียบไตรมาสก่อนหน้า และเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะไก่ส่งออก และราคาเนื้อสัตว์ยังปรับตัวขึ้นต่อจากไตรมาส 1/65 ทั้งไก่และหมู คาดหักล้างผลลบต้นทุนที่ปรับขึ้นได้ทั้งหมด โดยอยู่ระหว่างปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้น 10% เป็น 2.2 พันล้านบาท โต 300% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PE 11 เท่า ยัง Laggard เทียบกับ GFPT ที่ปัจจุบันขยับขึ้นมาเทรดที่ 14 เท่า

Back to top button