เด้งสู้โมนิก้าและทีมงาน

*หากนั่งวิเคราะห์การขยับตัวของดัชนีตลอดทั้งวันจะเห็นว่า ดัชนีพยายามเด้งสู้แรงเทขายที่มีออกมาตลอดเวลา เพียงแต่แรงซื้อในเที่ยวนี้ไม่มากพอ และยังเป็นแรงซื้อประเภทเข้าเก็บเมื่ออ่อนตัว ภาพของดัชนีถึงออกอาการตุปัดตุเป๋ต่อไปอีกหนึ่งวัน แถมยังหลุดแนวรับสำคัญทางจิตวิทยา 1,450 จุด ลงมายืนอยู่ที่ระดับ 1,348.84 จุด ลบไป 3.29 จุด ด้วยมูลค่า 4.37 หมื่นล้านบาท..มันเป็นเรื่องที่เดี๊ยนเพิ่งเตือนไว้เมื่อวันก่อนหยกๆ นะคะ


*หากนั่งวิเคราะห์การขยับตัวของดัชนีตลอดทั้งวันจะเห็นว่า ดัชนีพยายามเด้งสู้แรงเทขายที่มีออกมาตลอดเวลา เพียงแต่แรงซื้อในเที่ยวนี้ไม่มากพอ และยังเป็นแรงซื้อประเภทเข้าเก็บเมื่ออ่อนตัว ภาพของดัชนีถึงออกอาการตุปัดตุเป๋ต่อไปอีกหนึ่งวัน แถมยังหลุดแนวรับสำคัญทางจิตวิทยา 1,350 จุด ลงมายืนอยู่ที่ระดับ 1,348.84 จุด ลบไป 3.29 จุด ด้วยมูลค่า 4.37 หมื่นล้านบาท..มันเป็นเรื่องที่เดี๊ยนเพิ่งเตือนไว้เมื่อวันก่อนหยกๆ นะคะ

*เนื่องจากไซเคิลของหุ้นในเที่ยวนี้ยังเป็นลักษณะ u-shape หัวคว่ำ โดยนักลงทุนต่างชาติ และปอบผีฟ้ายังพยายามเทขายหุ้นออกมาเป็นระลอกเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน “โมนิก้า” ถือเป็นภาพที่นักลงทุนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพียงแต่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ขนาดไหน? มันเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูกันต่อไปเรื่อยๆ เพราะช่วงนี้ขาใหญ่ยังเอาตัวแทบไม่รอด แล้วแมงเม่าจะเอาอยู่เหรอค่ะ

*งานนี้ไม่ได้ดูถูกเดียดฉันท์ใครทั้งสิ้น แต่พยายามฉายภาพการลงทุนในตลาดหุ้นเที่ยวนี้ “หินยิ่งกว่าหิน” ขนาดวานนี้กองทุนทุบกระปุกซื้อหุ้นไปเกือบ 2 พันล้านบาท บวกกับรายย่อยควักเงินซื้อหุ้นอีก 2.70 พันล้านบาท ยังงัดดัชนีขึ้นมาปิดแดนบวกไม่ได้เลย แถมตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศจีน ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ย่านเอเชียก็ออกมาแย่กว่าที่คาดไว้แบบนี้ หุ้นใหญ่ๆ ถึงไปไม่รอดสักรายไงล่ะค่ะ

*ยกเว้นในรายของหุ้นน้องใหม่ JWD กระชากขึ้นมาปิดที่ 15.90 บาท บวกไป 4.90 บาท หรือขึ้นไป 44.55% ด้วยมูลค่า 3.60 พันล้านบาท มันเป็นเกมของพวกกองทุนที่พยายามทำราคาเพื่อปิดบัญชีมากกว่า เพราะในช่วงเช้าหุ้นยังมีอาการโอนเอนไปมาเหมือนจะไม่รอดสันดอน พอตกบ่ายดัชนีเริ่มผงกหัวขึ้นเรื่อยๆ หุ้นตัวนี้ก็วิ่งขึ้นตามในทันที “โมนิก้า” ถึงมองเรื่องนี้เป็นเพียงแค่ฝนตกห่าเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับหุ้นบลูชิพหลายตัวมาแล้วนะซี

*ไม่เชื่อลองเหลือบดูหุ้น JAS พุ่งขึ้นมาปิดที่ 5.55 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 2.80% ด้วยมูลค่า 2 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นผลพวงที่มาจากนักลงทุนสถาบันเข้ามาเป็นเจ้าภาพหลัก ทิศทางของหุ้นถึงดูดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา และถ้ามองไซเคิลของหุ้นอย่างเป็นระบบจะเห็นได้ทันทีว่า นี่เป็นจังหวะที่ต้องโหนกระแสในทันที! เพราะทุกอย่างค่อนข้างเป็นใจนะจะบอกให้

*เหมือนกับในรายของ ITD ภายใต้การดูแลของ “เสี่ยยักษ์” มันเป็นอะไรที่พูดถึงแล้วทำให้ของขึ้นทุกที หลังเม้าท์มอยให้ฟังกันมาตั้งหลายรอบแล้วว่า จุดเด้งกลับของหุ้นมีอยู่ 3 จุดด้วยกัน คือ 8 บาทเป็นที่แรก ถัดลงมาเป็นแถว 7.50 บาท และจุดสุดท้ายอยู่แถว 7 บาท เมื่อหุ้นทิ้งตัวลงมายังบริเวณดังกล่าว เหล่านักเล่นต้องทยอยเก็บหุ้นทันที วานนี้ถึงเห็นหุ้นเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ 8.10 บาท ทั้งที่หุ้นเปิดเทรดราคาต่ำสุดของวันที่ 7.90 บาท มันเป็นคำอธิบายเรื่องเล่นรอบได้เป็นอย่างดีนะจ๊ะ

*ส่วนกรณีของปูนใหญ่ SCC มองดูการเคลื่อนตัวของหุ้นเที่ยวนี้บอกได้คำเดียวว่า sideway down ค่อนข้างชัดเจน แถมแรงเทขายจ่อมาถึงทางเข้าบ้านแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่แมงเม่าต้องศึกษาดูให้ดีๆ บวกกับหุ้นรูดลงมาถึงแนวรับ 460 บาทให้เห็นถึง 2 ครั้งด้วยกัน มันอาจเหมือนการทดสอบกำลังใจก็จริง แต่ถ้าเป็นแบบนี้นานๆ อาจเกิดอาการช้อนหักได้เหมือนกัน วันนี้ถึงต้องลุ้นให้หุ้นเด้งกลับขึ้นไปให้ได้ เพื่อให้เป็นการกลับทิศอย่างสมบูรณ์แบบนะคะ

*ถ้ามองภาพเรื่องนี้ไม่ออก “โมนิก้า” ขอให้แฟนคลับจับจ้องไปยัง MAX เขาว่ากันว่าหุ้นเทิร์นอะราวด์ดวงใหม่ของวงการ การขึ้นของหุ้นเที่ยวนี้ถึงมี MM เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเลี่ยงไม่ได้ และหนึ่งในเหตุผลที่ต้องดันราคากันอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูก็เพื่อเรียกแขก วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 0.35 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 13% ด้วยมูลค่า 120 ล้านบาท มันเป็นลูกไม้ตื้นๆ ที่ยังใช้การได้ดี หุ้นไปต่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้ามือล้วนๆ..จริงไหมเฮีย!

*หากรู้สึกไม่เชื่อคำเม้าท์มอย และยังอยากเป็นตัวของตัวเองต่อไป “โมนิก้า” ขอให้ทุกท่านย้อนกลับมาดู PK ซึ่งช่วงแรกมีการประโคมข่าวกันอย่างใหญ่โตว่า การกลับมาเที่ยวนี้ไม่ธรรมดา หุ้นก็เลยพุ่งขึ้นไปแตะ 8 บาท แต่หลังจากนั้นก็โดนสาดหุ้นออกมาอุตลุด จนผู้คนแตกกระเจิงเหมือนกับผึ้งแตกรัง ก่อนที่เดี๊ยนจะมาเห็นอีกทีว่า หุ้นขึ้นมาปิดที่ 4.66 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 4% ตำราเขาเรียกอาการนี้ว่า “แมวชักกระตุกก่อนตาย” โอกาสลงต่อมีค่อนข้างสูง เพราะหุ้นยังอยู่ในช่วงขาลงนะซี

*ส่วนหุ้นน้องใหม่วัยกระเต๊าะ KOOL  ซึ่งเพิ่งเข้าตลาด mai ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน และโดนถล่มเทขายอย่างหนักหน่วง แต่พอถึงวันนี้ก็เริ่มตั้งหลักได้แล้ว แรงซื้อเริ่มไหลกลับเข้ามาเป็นระลอก จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.10 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 3.96% ด้วยมูลค่า 133 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตการต่อสู้ที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อเทียบกับราคา IPO ที่ 1.80 บาท มันลงทุนได้สบายๆ เลยนะเนี่ย!

*ป.ล.วานนี้ได้เห็นแล้วว่า หุ้นหลายตัวพยายามเด้งสู้ จึงเป็นโอกาสทองสำหรับพวกโหนกระแสที่เน้นเข้าทำจังหวะหนึ่งสองแล้วถอยฉากนะคะ 

Back to top button