หุ้นโดนขายหนัก

สุดท้ายหุ้นไทยก็ถูกถล่มขายอย่างหนักตลอดทั้งวัน เพราะทันทีที่เห็นตัวเลขกำไรลดฮวบฮาบ ก็เป็นเหตุให้นักลงทุนพากันหนีตาย


สุดท้ายหุ้นไทยก็ถูกถล่มขายอย่างหนักตลอดทั้งวัน เพราะทันทีที่เห็นตัวเลขกำไรลดฮวบฮาบ ก็เป็นเหตุให้นักลงทุนสถาบัน รายใหญ่ และรายย่อย พากันหนีตายแบบไม่คิดชีวิต เพราะมันเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่า ไตรมาส 2 หนักกว่านี้อย่างแน่นอน หลังภาวะเศรษฐกิจส่อแววยังไม่ฟื้นเหมือนที่คาดการณ์ไว้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องกัดฟันถือหุ้นต่อไปเรื่อย ๆ ไงล่ะตัวเอง

ที่สำคัญ “โมนิก้า” เคยย้ำหัวหมุดกับตัวเอง และแฟนคลับไว้ว่า ตลาดหุ้นไทยเที่ยวนี้เล่นบนสตอรี่กำไรโต แต่ในเมื่อบริษัทจดทะเบียนทำไม่ได้เหมือนที่ผู้คนคาดหวัง จึงต้องเข้าใจการทรุดตัวแรงของหุ้นบางตัว และโชคดีมาก ๆ ที่ดัชนียังสามารถต้านแรงขายได้เป็นช่วง ๆ จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 1,370.44 จุด ลบไป 6.13 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.96 หมื่นล้านบาท และต้องลุ้นกันต่อไปว่า ดัชนีจะลงมาถึงแนวรับ 1,350 จุดอีกไหมเจ้าค่ะ

เนื่องจากตัวแปรต่าง ๆ ชี้ไปในทางร้ายกันเป็นแถว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลเดินหน้าแบบสุดซอยเพื่อทำเรื่องฟอกขาว ขณะที่ภาคเอกชนก็ดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อปั๊มกำไร แต่ภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้อให้เป็นเช่นนั้น หรือแม้แต่ภาคสังคมก็มีเรื่องที่ทำให้รู้สึกห่อเหี่ยวกันทุกวัน “โมนิก้า” เลยมองไม่เห็นหนทางที่ทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในทุกด้าน เพราะทุกคนรู้สึกกังวลกับทุกเรื่องไงล่ะคะ

ขนาดเจ้าพ่ออสังหาฯ ตลาดบนอย่าง LH ประกาศกำไรหย่อนลดลงนิดหน่อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่กลับโดนถล่มขายยับเยิน จนกลายเป็นหุ้นที่ซื้อขายมากเป็นอันดับ 1 ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 6.75 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 4.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.18 พันล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 3 ปี 6 เดือนแบบนี้ เหมือนเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า กองทุน และต่างชาติ เปิดตูดหนีกันเป็นแถวพะย่ะค่ะ

อีกรายที่ยับเยินเกินบรรยาย และทำให้เดี๊ยนต้องเอ่ยถึงอีกวัน คงต้องมองไปที่หุ้นรถไฟฟ้า NEX หลังถูกถล่มขายอย่างหนักตั้งแต่เช้า จนราคาหุ้นโงหัวไม่ขึ้นอีกเลย ก่อนจะปิดที่ระดับ 4.08 บาท ลบไป 1.77 บาท หรือลงไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.86 พันล้านบาท ก็เป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่ทำให้รู้ว่า เมื่อใดที่บริษัทไม่สามารเบ่งกำไรได้ตามที่นักลงทุนคาดหวัง มักถูกขายแบบไม่มีเยื่อใย..แม้จะรู้ดีว่า ครึ่งปีหลังฟื้นตัว แต่ก็ไม่มีใครสนใจ เพราะนี่เป็นเรื่องเฉพาะหน้าจ้า!

ส่วนรายที่พลิกล็อกแบบไม่ทันตั้งตัว คงต้องมองไปที่หุ้น AAV หลังประกาศงบออกมาขาดทุนบานเบอะ และเป็นเหตุให้นักลงทุนถล่มขายหุ้นไม่ไว้หน้าเป็นวันที่ 2 จนสุดท้ายหุ้นยืนปิดที่ระดับ 2.32 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 4.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 198 ล้านบาทแบบนี้ “โมนิก้า” คงแนะนำได้แค่ให้ถอยห่างออกมาเป็นผู้ดูที่ดี และอย่าคิดเข้าไปช้อนหุ้นในจังหวะหน้าสิ่วหน้าขวานนะจ๊ะ

ขนาดหุ้นรถไฟใต้ดิน BEM สามารถปั๊มกำไรได้มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่กลับโดนเทแบบไม่มีใครสนใจใยดีอะไรทั้งนั้น จนราคาหุ้นลงไปทำโลว์ของวันที่ระดับ 7.85 บาท ก่อนจะตีตื้นขึ้นมาได้เล็กน้อย และยืนปิดที่ระดับ 7.95 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 737 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดพอสมควร แต่เมื่อมองดูภาพรวมของตลาดหุ้นที่สะเปะสะปะ ก็เข้าใจได้ว่า ขายลดเสี่ยงกระมัง!

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้นน้ำมันหล่อลื่น PSP ก็ถูกขายอย่างหนักแบบไม่น่าเชื่อ เพราะถ้าดูจากตัวเลขกำไรไตรมาส 1 ที่พุ่งขึ้นมาแตะระดับ 184 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 42 ล้านบาท น่าจะเป็นตัวค้ำยันราคาหุ้นได้เป็นอย่างดี แต่ความจริงดันกลายเป็นว่า ไม่ช่วยเลย! เพราะราคาหุ้นไหลลงมาปิดที่ระดับ 5.35 บาท ลบไป 1.05 บาท หรือลงไป 16.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 250 ล้านบาทแบบงง ๆ เจ้าค่ะ

ผิดกับการร่วงหล่นของราคาหุ้น BJC อย่างสิ้นเชิง เพราะมีรายนี้กำไรลดฮวบ 60% จึงทำให้นักลงทุนสถาบันขายหุ้นออกมาตลอดเวลา จนราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 22.80 บาท ลบไป 2.20 บาท หรือลงไป 8.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.26 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่เข้าใจได้อย่างแน่นอน และถ้าดูจากปัจจัยรอบด้านที่จะช่วยทำให้กำไรไตรมาส 2 กระเตื้องขึ้นอย่างมีนัยสำคัญล่ะก็!..เลิกฝันไปได้เลยกระมัง..อิอิอิ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button