
TTB วิธีซื้อที่แตกต่าง.!
ถือเป็นรายแรกที่เจิมประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยเรื่องเกณฑ์ใหม่การซื้อหุ้นคืนก็ว่าได้ กรณีธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB
ถือเป็นรายแรกที่เจิมประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยเรื่องเกณฑ์ใหม่การซื้อหุ้นคืนก็ว่าได้ กรณีธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB ซึ่งไปต่อไม่รอแล้วกับการเดินหน้าโครงการซื้อหุ้นคืนครั้งที่สองในปี 2569 ภายใต้วงเงิน 8,900 ล้านบาท ต่อเนื่องจากครั้งแรกที่วางวงเงินไว้ 7,000 ล้านบาท แต่ใช้จริงแค่ 5,103 ล้านบาท
การซื้อหุ้นคืนของ TTB รอบนี้ มีความน่าสนใจตรงที่วิธีการซื้อ ซึ่งครั้งแรกใช้วิธีการซื้อด้วยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Automatic Order Matching) หรือ AOM แต่มารอบนี้ใช้วิธีการเสนอซื้อจากผู้ถือหุ้นเป็นการทั่วไป (General Offer) หรือ GO แทน…
ถ้าลองไปย้อนดูการประกาศซื้อหุ้นคืนของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่มักจะใช้วิธี AOM…น้อยมากหรือแทบไม่มีเลยที่จะใช้วิธี GO
ชักสงสัยกันละสิว่า ทั้ง 2 วิธีมีความแตกต่างกันยังไง..??
งั้นจิบอกให้…การซื้อแบบ AOM คือ วิธีการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการจับคู่คำสั่งซื้อและคำสั่งขายโดยอัตโนมัติ ตามหลักราคาและเวลาที่ดีที่สุด (Price then Time Priority) เพื่อให้เกิดการซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว เท่าเทียม และมีประสิทธิภาพ
ส่วนการซื้อแบบ GO คือ การที่บริษัทจดทะเบียนเสนอซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นเป็นการทั่วไป ในราคาที่กำหนด (สูงกว่าราคาตลาด) เพื่อลดจำนวนหุ้นในตลาด อาจทำเพื่อปรับโครงสร้างการเงิน หรือเพื่อจัดการกับผู้ถือหุ้นที่ไม่เห็นด้วยกับมติบริษัท โดยนักลงทุนจะได้รับการเสนอซื้อหุ้นคืนตามสัดส่วน หรือเสนอขายทั้งหมดก็ได้
ด้วยการซื้อแบบ AOM ซึ่งอาศัยการแมตชิ่งในกระดาน ภายใต้เงื่อนไขใช้ราคาเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนหน้าวันที่จะทำการซื้อขายในแต่ละครั้ง บวกด้วยพรีเมียม 15%…ในมุมของผู้ขาย จะมีความเซ็กซี่ เพราะมีโอกาสได้ลุ้นจะแมตช์ที่ราคาไหน ซึ่งต่างจาก GO ที่ตั้งโต๊ะซื้อ และมีการกำหนดราคาชัดเจนตายตัว ซึ่งในกรณี TTB เบื้องต้นราคาซื้อหุ้นคืนจะอยู่ในกรอบ 1.90-2.00 บาทต่อหุ้น จำนวนหุ้นที่ซื้อคืนอยู่ระหว่าง 4,450-4,684 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 4.56-4.80%
สุดท้ายต้องมาดูว่า ราคาซื้อจริงจะเท่าไหร่..?? ซึ่ง TTB จะประกาศในวันที่ 5 ม.ค. 2569 ถ้าไม่ต่างจากราคาในกระดาน ความเซ็กซี่ก็จะน้อย ไม่จูงใจ ผู้ถือหุ้นอาจจะไม่ขายก็ได้…
ส่วนในมุมผู้ซื้ออย่าง TTB ชัดเจนว่าต้องการเพิ่ม ROE (อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น) เพิ่ม EPS (อัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น และเพิ่มอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน…รวมทั้งเพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดย ณ วันที่ 30 ก.ย. 2568 ธนาคารมีกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรสูงกว่า 80,949 ล้านบาท มีสินทรัพย์สภาพคล่อง ซึ่งประกอบด้วย เงินสด รายการระหว่างธนาคารและตลาดเงินสุทธิ เงินลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุน รวมทั้งสิ้น 451,061 ล้านบาท ส่วนหนี้สินรวมอยู่ที่ 1,454,878 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินรับฝาก 1,270,532 ล้านบาท และหนี้สินอื่น 184,347 ล้านบาท
ขณะที่การซื้อแบบ AOM การทำธุรกรรมจะยุ่งยาก มีขั้นตอนค่อนข้างเยอะ และใช้เวลาพอสมควร อย่างรอบที่แล้ว TTB ใช้เวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.-1 ส.ค. 2568 แต่การซื้อแบบ GO ใช้เวลาน้อยกว่า กำหนดราคาซื้อ แล้วตั้งโต๊ะได้เลย โดยรอบนี้ TTB ใช้เวลาแค่ 10 วันทำการ ระหว่างวันที่ 22 ม.ค.-4 ก.พ. 2569
แต่จะซื้อได้ตามเป้าที่ตั้งไว้หรือไม่..?? ต้องกลับไปที่ราคาที่ซื้อเซ็กซี่อ๊ะป่าว..??
เพราะดู ๆ แล้วหุ้น TTB ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ จัดเป็นหุ้นแบงก์ที่ปันผลสูง…ดิวิเดนด์ยีลด์ล่าสุดปาไป 6.69% บางคนอาจอยากเก็บไว้เพื่อกินเงินปันผลก็ได้นะ ยกเว้นคนที่ไม่อยากถือแล้วจริง ๆ…
ซึ่งตอนที่ซื้อแบบ AOM กำหนดวงเงินไว้ 7,000 ล้านบาท แต่ซื้อจริงได้แค่ 5,103 ล้านบาท มารอบนี้ต้องดูจะซื้อได้เท่าไหร่..??
แต่ในสายตานักลงทุนดูแล้วการซื้อรอบนี้เซ็กซี่น้อยไปนิดนะ ถ้าจะให้เซ็กซี่โน่นต้องซื้อเกิน 2 บาทแหละ…
อ้อ…ข้อดีอีกอย่างของการซื้อแบบ GO จะช่วยค้ำยันราคาในกระดานซึ่งจะไม่หนีไม่จากนี้ แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ ที่ตั้งโต๊ะก็เถอะ…
แต่ที่น่าแปลกวานนี้ (18 ธ.ค. 2568) ราคาหุ้น TTB กลับพุ่งทะลุ 2 บาทหน้าตาเฉย…แถมมูลค่าการซื้อขายก็สูงผิดหูผิดตา เกือบ 2,000 ล้านบาท
แหม๊…ถ้าราคาในกระดานยืนเหนือ 2 บาทไปอย่างนี้…แล้วใครหน้าไหนจะขายล่ะเนี่ย..??
…อิ อิ อิ…