ขาใหญ่เจ๊ง GL

วานนี้กรุ๊ปลีส หรือ GL ร่วงลงมาอีก 1 ฟลอร์


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

วานนี้กรุ๊ปลีส หรือ GL ร่วงลงมาอีก 1 ฟลอร์

ราคาลงมาอยู่ที่ 10.90 บาท

วันก่อนหน้านี้ก็ร่วงลงมาแล้ว 1 ฟลอร์ หรือลงมาจาก 22.10 บาท มาเหลือ 15.50 บาท

มีการประเมินกันว่า เป็นไปได้ที่ราคาหุ้นอาจจะลงมาถึง 3 ฟลอร์ ติดต่อกัน

หากวันนี้ลงมาอีกฟลอร์ ราคาจะมาอยู่ราวๆ 7.66 บาท ต่อหุ้น

เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะนักลงทุนหวั่นว่า สำนักงาน ก.ล.ต.อาจมีคำสั่งให้ GL แก้ไขงบการเงิน หลังจากที่ได้กล่าวโทษต่อผู้บริหารว่า มีการทำธุรกรรมอำพราง

และทำให้ผลประกอบการที่ออกมา “สูงเกินความเป็นจริง”

หุ้นอาจถูกแขวนป้าย SP พักการซื้อขายอีกรอบ และไม่รู้ว่าจะยาวนานหรือเปล่า เสี่ยงต่อเงินจมอีก

ผ่านมาถึงวันนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าตัวเลขงบการเงินที่แท้จริงของกรุ๊ปลีสควรจะเป็นอย่างไร

กำไรจะต้องหายไปจำนวนเท่าไหร่ หรือต้องถึงกับขาดทุนหรือไม่

และหากดูปฏิกิริยานักลงทุน และคนในวงการตลาดหุ้น ต่างเชื่อมั่นในข้อมูลของ ก.ล.ต.ว่า น่าจะไปพบหลักฐานสำคัญอะไรบางอย่าง จึงได้ส่งเรื่องให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ

แม้ผู้บริหารของกรุ๊ปลีส จะออกมาตอบโต้ และพยายามที่จะส่งข้อมูลให้นักลงทุน

แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครรับฟัง

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ต่างพร้อมใจกันบอกว่า ให้เลี่ยงการลงทุน(จนกว่าจะมีความชัดเจน)

ยังมีการจับตาไปด้วยว่า ผู้สอบบัญชีของกรุ๊ปลีส คือ “อีวาย” ยังคงจะได้เป็นผู้สอบบัญชีให้บริษัทแห่งนี้ต่อไปหรือไม่

และก็มีความเป็นไปได้อีกเช่นกันว่า ก.ล.ต.อาจให้มีการตั้งผู้สอบบัญชี(น่าจะยังเป็นกลุ่มบิ๊กโฟร์) เข้ามาร่วมในการสอบบัญชีของกรุ๊ปลีส เช่นเดียวกับหุ้นตัวอื่นที่ ก.ล.ต.เคยมีคำสั่งไปก่อนหน้านี้

ว่ากันว่า ข้อกล่าวหาเรื่องผลประกอบการสูงเกินจริงนั้น

เป็นประเด็นที่สาหัสมาก

ราคาหุ้น GL เคยขึ้นไปปิดระดับสูงสุด 69.00 บาท ต่อหุ้น เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2559

ในช่วงที่ราคาหุ้นไต่ระดับขึ้นไปช่วงครึ่งหลังปี 59 มีข่าวว่า ทั้งนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนรายใหญ่ ต่างเข้ามาลงทุนในหุ้น GL กันจำนวนมาก

แต่ก่อนที่ราคาหุ้นจะร่วงลงในช่วงต้นปี 60

กองทุนหลายแห่งเริ่มปรับหุ้น GL ออกจากพอร์ตไปบ้างแล้ว

แต่ก็ยังมีกองทุนขนาดใหญ่ ของต่างประเทศยังคงติดอยู่ และขาดทุน(ทางบัญชี)อย่างหนัก

ผ่านมาถึงวันนี้ไม่แน่ใจว่า ตัดขาดทุนไปหรือยัง

ส่วนนักลงทุนรายใหญ่ก็มีหลายคนเข้ามาลงทุน ซึ่งหากเอ่ยชื่อขึ้นมานะ รู้จักกันทั้งนั้น ทั้งเสี่ย ป. –  จ. – ว. กลุ่มคุณหมอนักเล่นหุ้นนี่ก็โดนกันหนัก

ยังไม่รวมกลุ่มนักลงทุนนามสกุลดังอีก

รายใหญ่ต่างถูก Force Sell (บังคับขาย) จากราคาหุ้น GL ที่ตกลง

และ(อาจ)ทำให้ต้องขายหุ้นที่มีอยู่ในพอร์ต เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ หรือวางหลักประกันเพิ่ม

และนี่คือสิ่งที่นักลงทุนทั่วไปต้องระวัง และจะต้องไปตรวจดูว่า รายใหญ่ที่ว่านั้นมีหุ้นตัวไหนอยู่ในพอร์ต และน่าจะถูกขายออกมาบ้าง

รายใหญ่ที่เข้าไปลงทุนหุ้น GL เพราะมองว่า ธุรกิจลีสซิ่งเติบโตดี อัตราการทำกำไรน่าสนใจ

แต่ก็ไม่แน่ใจว่า เพราะนักวิเคราะห์ที่เข้ามาดูข้อมูลให้ รวมถึงเจ้าตัวอาจจะเชื่อมั่นในงบการเงินที่ออกมาก่อนหน้านี้

สมมุติว่า หากเกิดการตัดสินออกมาว่า งบการเงิน GL สูงกว่าความเป็นจริง(จริงๆ)

และนักลงทุนก็เชื่อข้อมูลที่แจ้งออกมา

ต่อมาเกิดความเสียหายในการลงทุน พวกเขาเหล่านั้นจะเรียกร้องความเสียหายได้หรือไม่

หรือต้องแบกรับความเสี่ยงกันไปเอง

เรื่องนี้ต้องไปดูที่ข้อกฎหมายกันอีกครั้ง

นี่ยังไม่รวมปัญหาตราสารทางการเงินต่างๆ ของ GL การปล่อยสินเชื่อ และความเชื่อมั่นของคู่ค้าทางธุรกิจของ GL ที่มีความเป็นไปได้ว่า จะมีปัญหาตามมาอีก

เห็นมีนักลงทุนพยายามให้เจ ทรัสต์ เข้ามาซื้อหุ้นคืน เพื่อดันราคาหุ้นขึ้นมา

แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย

นี่คือปรากฏการณ์ GL Effect

Back to top button