RCL พุ่งต่อเฉียด 6% แนวโน้มกำไร Q4/63 โตแกร่ง-ดีมานด์ตลาดโลกสูง

RCL พุ่งต่อเฉียด 6% แนวโน้มกำไร Q4/63 โตแกร่ง-ดีมานด์ตลาดโลกสูง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL ล่าสุด ณ เวลา 10.07 น. อยู่ที่ระดับ 18.50 บาท ปรับตัวขึ้น 1 บาท หรือ 5.71% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 145.08 ล้านบาท

ทั้งนี้ บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ”ซื้อ”หุ้นบมจ.อาร์ ซี แอล (RCL) ให้ราคาพื้นฐาน 15 บาท คาดผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ด้วยแรงหนุนจากการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งในไตรมาส 4/2563 และปี 2564 จากค่าระวางที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากแรงกดดันด้าน supply และการส่งออกที่ฟื้นตัว โดยคาดว่าการส่งออกโลกจะฟื้นตัวแข็งแกร่งในปี 2564 จากการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สืบเนื่องจากความพร้อมด้านวัคซีนต้านโควิด-19 รวมถึงอุปสงค์การตุนสินค้าหลังจากมีปริมาณสต็อกที่ต่ำในขณะนี้

ขณะที่ ก่อนหน้านี้นายทวินโชค ตันธุวนิตย์ ผู้อำนวยการอาวุโส (หัวหน้างานภูมิภาค ปฏิบัติการ และธุรกิจ) บมจ.อาร์ ซี แอล (RCL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 64 จะเติบโตราว 8% จากปีนี้ ตามความต้องการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังอยู่ในระดับสูง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลทำให้หลาย ๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เช่น การกักตุนสินค้า, สินค้ากลุ่มเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์มีมากขึ้น, การซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ตลอดจนสินค้ากลุ่มอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และสิ่งของที่เกี่ยวกับการทำงานจากที่บ้านได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น รวมไปถึงเครื่องออกกำลังกายด้วย ปัจจัยเหล่านี้ทำให้มีการขนส่งสินค้ามาสต็อกไว้ในคลังมากขึ้น  ขณะเดียวกันนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ก็ช่วยผลักดันให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ บริษัทได้วางกลยุทธ์การนำข้อมูล (DATA) ที่มีอยู่ในฐานข้อมูล มาพิจารณาเลือกสินค้า เช่น สินค้าใดที่ทำให้ตู้คอนเทนเนอร์ถึงช้าก็จะรับน้อยลง และให้ซัพพลายเออร์ที่มีอยู่หาตู้คอนเทนเนอร์จากประเทศต่าง ๆ มาหมุนให้เร็วขึ้น หรือเป็นการบริหารจัดการตู้ให้หมุนเร็วขึ้น เพื่อรองรับกับความต้องการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ที่เพิ่มสูงขึ้น เห็นได้จากการคาดการณ์การขยายตัวของตู้คอนเทนเนอร์ในภูมิภาคเอเชีย ที่ประเมินไว้ว่าในปี 64 จะเติบโต 5.6% จากปีนี้ติดลบ 4.7% ซึ่ง RCL มีสัดส่วนรายได้ในภูมิภาคเอเชียค่อนข้างสูง แบ่งเป็น จีน 30%, ภูมิภาคเอเชีย 40% ส่วนที่เหลือเป็นอินเดีย และตะวันออกกลาง

โดยปัจจุบันสถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ในระบบยังคงขาดตลาด ทั้งในแง่ของคลังสินค้า, รถบรรทุก, ท่าเรือขนส่งเนื่องจากคนไม่สามารถออกมาทำงานได้ตามปกติ ส่งผลทำให้ราคาค่าขนส่งปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงค่าเช่าตู้ ค่าเช่าเรือและราคาน้ำมันก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายของบริษัท แต่บริษัทก็มีแนวทางการบริหารจัดการตู้คอนเทนเนอร์ให้หมุนเร็วขึ้น

สำหรับแผนการลงทุนในปี 64 บริษัทมีแผนลงทุนใน 2 ส่วน ได้แก่ การซื้อเรือ โดยจะพิจารณาจากราคาเรือที่เหมาะสมในขณะนั้น เพื่อทดแทนเรือที่มีอายุมาก และมองการขยายธุรกิจ ไปยังธุรกิจภาคพื้นดิน ในประเทศจีน และอินเดีย

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/63 คาดว่าจะยังเติบโตได้จากไตรมาส 3/63 ตามความต้องการที่มีอยู่สูง

 

 

 

Back to top button