BBIK ทุ่มกว่าพันล้าน ซื้อ 2 เทคคอมพานี บุ๊กรายได้ทันทีปี 66

BBIK ทุ่มกว่า 1 พันลบ. ซื้อหน่วยธุรกิจ Digital Delivery จาก MFEC และ “อินโนวิซ โซลูชั่นส์” พร้อมบุ๊กรายได้ทันทีปี 66ขยายทีมพัฒนาเทคโนโลยี สร้างโอกาสคว้างานใหญ่ ตั้งเป้าปิดดีล JV-M&A ปีละ 1-2 ดีล เล็งย้ายเทรด SET ภายใน 3 ปี


นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการในสัดส่วน 100% ของ 2 บริษัทชั้นนำในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับประเทศ ได้แก่ 1) หน่วยธุรกิจ Digital Delivery ของบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ที่ปรึกษาและพัฒนางานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร ซึ่งเป็นทีมงานนักพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและแอปพลิเคชันทั้งหมดราว 350 ชีวิต มูลค่าลงทุน 691 ล้านบาท

สำหรับกระบวนการเข้าซื้อกิจการนี้จะเริ่มหลังจากที่ MFEC จัดตั้งบริษัทย่อยสำหรับหน่วยธุรกิจ Digital Delivery เรียบร้อยแล้ว โดยใช้เงินสดที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนครั้งแรก (Initial Public Offering – IPO) กระแสเงินสดจากการดำเนินงานและแผนการระดมทุนเพิ่ม ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนก.พ.66 และจะสามารถรับรู้รายได้ในทันที

ทั้งนี้การเข้าซื้อหน่วยธุรกิจ Digital Delivery ของ MFEC เป็นการเพิ่มขีดความสามารถการรองรับงานบริการให้คำปรึกษาและพัฒนาเทคโนโลยี (Digital Excellence & Delivery หรือ DX) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท และยังเป็นการต่อยอดทางธุรกิจในอนาคตผ่านการ Synergy ร่วมกันกับทาง MFEC อีกด้วย นอกจากนั้นยังเป็นการปูทางเพื่อก้าวขึ้นสู่ผู้นำการให้บริการคำปรึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีเบอร์หนึ่งของประเทศไทย

รวมทั้ง 2. บริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ จำกัด (Innoviz Solutions) ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญการวางระบบ Enterprise Resource Planning – ERP อันดับหนึ่งของ Microsoft Dynamics 365 ที่ได้รับการยอมรับมากกว่า 17 ปี ในประเทศไทย

โดยการซื้อกิจการของ Innoviz ในครั้งนี้จะเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมดด้วยเงินสด และจะแบ่งการชำระค่าหุ้นออกเป็น 3 งวด ซึ่งงวดแรกจะเริ่มต้นในไตรมาส 1/66 ประกอบด้วย งวดที่ 1 เข้าซื้อในสัดส่วน 55% โดยใช้เงินกู้ยืมจากสถาบัน ในราคาซื้อขายหุ้นที่เท่ากับกำไรสุทธิของ Innoviz ในปี 65 คูณด้วย 12 เท่าของ P/E และคูณด้วยสัดส่วนหุ้น 55%

งวดที่ 2 ในสัดส่วน 30% โดยราคาซื้อขายหุ้นจะเท่ากับกำไรสุทธิของ Innoviz ในปี 66 คูณด้วย 16 เท่าของ P/E และคูณด้วยสัดส่วนหุ้น 30% และงวดสุดท้าย ในสัดส่วน 15% ซึ่งราคาซื้อขายหุ้นจะเท่ากับกำไรสุทธิของ Innoviz ในปี 66 คูณด้วย 16 เท่าของ P/E และคูณด้วยสัดส่วนหุ้น 15% สำหรับการชำระค่าหุ้นในงวดที่ 2 และ 3 นั้น บริษัทฯ จะใช้กระแส เงินสดจากการดำเนินงาน

สำหรับการเข้าซื้อ 2 กิจการในครั้งนี้จะส่งผลให้บริษัทฯ ขยายทีมงานนักพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 750 ชีวิต ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการให้บริการลูกค้าได้อย่างครบวงจร ขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศเพิ่มขึ้น และสร้างโอกาสในการรับงานขนาดใหญ่ได้มากขึ้น สนับสนุนผลการดำเนินงานให้เติบโตแบบก้าวกระโดดตามแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี พร้อมตอกย้ำความเป็น Truly End-to-End Digital Transformation Partner และพร้อมปูทางสู่การเป็น Tech Company และ Venture Builder ระดับสากล

อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าหาโอการในการควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) และการร่วมทุน (JV) โดยตั้งเป้าว่าในแต่ละปีจะสามารถปิดดีลได้ราว 1-2 ดีล นอกจากนั้นมีแผนจะย้ายหลักทรัพย์ BBIK เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายใน 3 ปีข้างหน้า

Back to top button