SUPER ยอดขายไฟพุ่ง ดันกำไร Q1 แตะ 510 ล้านบาท

SUPER ธุรกิจโรงไฟฟ้าวินด์ฟาร์ม-โซลาร์-ขยะ ดันรายได้ไตรมาส1/66 ทะลุ 2.7 พันล้านบาท มีกำไร 510 ล้านบาท


บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 บริษัทมีรายได้จากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยไตรมาส 1 ปี 2566 จำนวน 1,290.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.27% ปัจจัยหลักเกิดจากรายได้จากโครงการ SPP Hybrid กำาลังการผลิต 16 เมกะวัตต์ ที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 มีรายได้ 50.98 ล้านบาท และในโครงการอื่นๆ มีค่าความเข้มแสงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน รายได้จากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม

นอกจากนี้บริษัทมีรายได้จากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนามในไตรมาส 1 ปี 2566 จำนวน841.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.30 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.98% เกิดจากค่าความเข้มแสงเพิ่มขึ้น ภายใต้กำลังการผลิตตามปริมาณเสนอขายตาม PPA รวม 836.72 เมกะวัตต์

อีกทั้งบริษัทมีรายได้จากโครงการพลังงานความร้อนจากขยะในไตรมาส 1 ปี 2566 จำนวน 270.80 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 87.92 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 48.07% เกิดจาก (1) รายได้จากโครงการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนแบบครบวงจร จังหวัดหนองคาย กำลังการผลิต 6 เมกะวัตต์ที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 จำนวน 28.14 ล้านบาท, (2) การบริหารจัดการเรื่องการซ่อมบำรุงที่ลดลง ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจำนวน 29.16 ล้านบาท และ(3) โครงการที่มีรายได้ค่าไฟระบบ Adder มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 29.67 ล้านบาท จากค่า FT ที่เพิ่มขึ้นช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2566รายได้จากโครงการ

ขณะเดียวกันในไตรมาส 1 ปี 2566 บริษัทมีรายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม จำนวน 162.68 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 31.34 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.86% เกิดจากสภาพอากาศที่ดีขึ้น ทำให้ความเร็วลมเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อนรวมถึงบริษัทมีรายได้จากธุรกิจอื่น ๆ ในไตรมาส 1 ปี 2566 จำนวน 104.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.45 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.41% เกิดจากมีรายได้จากการขาย International Renewable Energy Certificate หรือ I-REC จำนวน 4 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน รายได้จากการจำหน่ายน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค ลดลงจากบางโครงการมีการหยุดส่งน้ำจากการปรับปรุงคุณภาพของบ่อน้ำซึ่งจะกลับมาส่งน้ำตามปกติในเดือนเมษายน 2566

โดยแม้ว่ารายได้ในกลุ่มพลังงานทดแทนเติบโตในไตรมาส 1/66 ได้อย่างแข็งแกร่ง แต่บริษัทมีต้นทุนทางการเงินในไตรมาส 1 ปี 2566 จำนวน 874.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 48.39% โดยสาเหตุหลักเกิดจากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปีก่อน จึงส่งผลให้กำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ทรงตัว

X
Back to top button