
TISCO กำไรทรงตัว ปันผลโดดเด่น
TISCO โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 1. สินเชื่อรายย่อย 66.5% จำแนกต่อได้เป็น 1. สินเชื่อเช่าซื้อ 42.4%
คุณค่าบริษัท
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 1. สินเชื่อรายย่อย 66.5% จำแนกต่อได้เป็น 1. สินเชื่อเช่าซื้อ 42.4% 2. สินเชื่อจำนำทะเบียน 18.1% 3. สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 2.8% 4. สินเชื่อรายย่อยอื่น ๆ 3.2% 2. สินเชื่อธุรกิจ 27.9% 3. สินเชื่อธุรกิจ SME 5.5%
TISCO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิ 1,643.52 ล้านบาท ลดลง 6.25% จากไตรมาส 2/2567 และลดลง 0.01% จากไตรมาส 1/2568 ที่มีกำไรสุทธิ 1,643.38 ล้านบาท กำไรไตรมาส 1 เป็นไปตามที่ บล.กสิกรไทย คาดการณ์ไว้ แต่สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ 5% กำไรที่ลดลงเมื่อเทียบไตรมาส 2/2567 ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (non-NII) ที่ลดลง และค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 0.26% จากไตรมาส 2/2567
ผู้บริหาร TISCO คาดว่า credit cost อาจเพิ่มขึ้นเกิน 1% เล็กน้อยในช่วงครึ่งหลังปี 2568 ถึงปี 2569 ผู้บริหารยังคงมองว่า credit cost ยังควบคุมได้ โดยมีแผนเน้นขยายสินเชื่อในกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ และคุมสินเชื่อในกลุ่มความเสี่ยงสูง บล.กสิกรไทย คาดว่า credit cost ที่สูงขึ้นในครึ่งหลังปี 2568-2569 จะเป็นปัจจัยกดดันกำไรและอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ในระยะสั้น นอกจากนี้ ยังมองว่า non-NII ยังคงมีความไม่แน่นอนจากความผันผวนของตลาดทุน หากกำไรจากการลงทุนที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมลดลง (FVTPL) อาจกระทบต่อกำไรในไตรมาส 3/2568
TISCO ลดค่าใช้จ่ายดำเนินงานลง 2.3% จากไตรมาส 1/2568 ทำให้ Cost to Income Ratio ลดลงเหลือ 45.7%
จาก 47.9% ในไตรมาส 1/2568 เพื่อชดเชยการตั้งสำรองที่เร่งขึ้น 44.9% จากไตรมาส 1/2568 คิดเป็น Credit Cost ที่ 0.9% จาก 0.7% ในไตรมาส 1/2568 ตามนโยบายเพิ่ม Coverage Ratio เพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 TISCO มี Coverage Ratio ที่ 154.8% ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2568 ส่วนลูกหนี้ Stage 2 และ Stage 3 (NPL) ทรงตัวที่ 8% และ 2.4% ตามลำดับ
บล.หยวนต้าระบุว่า TISCO บริหารรายได้ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายได้ดี อย่างไรก็ดี แนวโน้มกำไรสุทธิครึ่งหลังของปี 2568 คาดว่าจะลดลงทั้งเทียบกับปีก่อน และเทียบกับครึ่งแรกของปี 2568 โดยกดดันจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่จะปรับลงต่อ หลังธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพื่อคุมคุณภาพสินทรัพย์ ภาพรวมทั้งปี 2568 มองผลดำเนินงานของ TISCO จะไม่เด่น เพราะได้รับผลลบจากทิศทางดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับตัวลง แต่ด้วยเงินปันผลที่คาดยังโดดเด่น ทำให้คาดราคาหุ้นจะมี Downside ที่จำกัด คาดเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 1.8 บาท คิดเป็น Div. Yield ที่ 1.8% ส่วนทั้งปีคาดเงินปันผล 6.8 บาท คิดเป็น Div. Yield ที่ 6.8%
ข้อมูลจาก LSEG Consensus สำหรับ TISCO ระบุว่า ประมาณการรายได้รวมปี 2568 ที่ 19,105.89 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 6,444.08 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 97.35 บาท จาก 18 โบรกเกอร์
บล.กสิกรไทย ปรับประมาณการกำไรปี 2568-2570 ของ TISCO ลง 3.0%/2.5%/2.4% มาอยู่ที่ 6.46 พันล้านบาท/6.46 พันล้านบาท/6.6 พันล้านบาท โดยลดสมมติฐาน non-NII ลง 4%/8%/8% และปรับเพิ่ม credit cost ขึ้น 0.19%/0.19%/0.10% เพื่อสะท้อน credit cost ในไตรมาส 2/2568 ที่สูงกว่าคาด เพื่อรักษาการจ่ายเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) ที่ 7.75 บาท โดย TISCO จะต้องมีกำไรอย่างน้อย 6.2 พันล้านบาท ภายใต้สมมติฐานอัตราการจ่ายปันผลที่ 100%
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น TISCO ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 29 ก.ค. 2568 ที่ 98.75 บาท) เทรดที่ P/E 11.61 เท่า สูงกว่า P/E กลุ่มธนาคาร ที่ 7.45 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น TISCO อยู่ที่ 1.77 เท่า สูงกว่า P/BV กลุ่มธนาคาร ที่ 0.65 เท่า