AI

ในปัจจุบันทางภาครัฐได้มีแผนที่จะขยายสายส่งไฟฟ้า หลังจากความต้องการใช้ไฟฟ้าในทุกภาคส่วนได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ AI ในฐานะผลิตและจำหน่ายลูกถ้วยไฟฟ้าเพื่อใช้ในกิจการพลังงาน ย่อมได้รับผลบวกจากสถานการณ์ดังกล่าว “ธนิตย์ ธารีรัตนาวิบูลย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AI เปิดเผยว่า สำหรับงวดปี 2558 ทางบริษัทได้วางเป้าหมายทำรายได้รวมอยู่ที่ระดับ9,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากงวดปี 2557 ที่คาดจะมีรายได้อยู่จำนวนกว่า 5 พันล้านบาท และผลักดันให้กำไรสุทธิในปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดทันที โดยในปี 2558 ธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าของ AI จะมีศักยภาพสร้างการเติบโตในระดับสูง เนื่องจากภาพรวมของตลาดมีความต้องการใช้ลูกถ้วยไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ประกอบกับลูกถ้วยไฟฟ้าของ AI ยังได้รับความเชื่อมั่นเป็นวงกว้าง เพราะถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพชั้นนำ นอกจากนี้ ทางบริษัทยังได้เข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยมูลค่า 2,000 ล้านบาท พร้อมกับประมูลงานขายลูกถ้วยไฟฟ้ามูลค่า 400 ล้านบาท ซึ่งทางบริษัทมั่นใจว่า จะมีโอกาสได้รับงานในระดับสูง และจะทราบผลประมูลภายในช่วงไตรมาส 1/58 ขณะเดียวกันผลการดำเนินงานของบริษัทลูกในเครืออย่าง บริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (มหาชน) หรือ AIE จะกลับมาฟื้นตัวได้โดดเด่นอีกครั้ง ดังนั้น ภายใต้ปัจจัยจัยการเติบโตโดยตรงจากธุรกิจของ AI และผลการดำเนินงานของบริษัทลูก AIE ที่ดีขึ้น จะกลายเป็นแรงสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานปี 2558 ทำออกมาได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ “ผลการดำเนินงานในปี 2558 ทางบริษัทได้วางเป้าหมายทำรายได้ 9,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้กำไรบริษัทปรับตัวขึ้นมาในระดับสูงอีกครั้ง เพราะธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าของบริษัทยังเติบโตได้ต่อเนื่อง รวมถึงทางเราเองยังมีแผนเข้าประมูลงานเพิ่ม ประกอบกับบริษัทลูก AIE จะทำผลการดำเนินงานได้ดีขึ้นเช่นกัน” สำหรับ AIE ถือเป็นบริษัทลูกที่ AI มีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งด้วยการถือครองหุ้นจำนวน 673,354,060 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 59.59% เมื่อเทียบกับโครงสร้างผู้ถือหุ้นทั้งหมด ดังนั้น เมื่อผลการดำเนินงานของ AIE กลับมาเติบโต ย่อมส่งผลบวกให้ AI ในฐานะบริษัทแม่ได้รับผลดีด้วย โดยในปัจจุบัน AIE เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์ม รวมถึงผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มโอเลอีน ภายใต้ตราสินค้า พาโมลา และจำหน่ายวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นผลพลอยได้ ซึ่งทิศทางออเดอร์คำสั่งซื้อมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ล่าสุดยังอยู่ในระหว่างการเจรจาจับมือกับทางพันธมิตรที่เป็นผู้ค้าน้ำมัน เพื่อรับซื้อไบโอดีเซลจาก AIE เพิ่มเติม ประกอบกับทาง AIE ยังได้เปลี่ยนเครื่องจักรใหม่เพื่อนำกรดไขมันปาล์มกลับมาใช้เป็นวัตถุดิบการผลิตน้ำมันใบโอดีเซล และส่งผลให้บริษัทมีระบบการผลิตสูงยิ่งขึ้น ธนิตย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทได้อยู่ในระหว่างเตรียมความพร้อมลงทุนผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ขนาด 2.6 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุน 160 ล้านบาท โดยอยู่ในระหว่างรอเงื่อนไขของภาครัฐ ซึ่งหากมีการประกาศเงื่อนไขออกมาจะสามารถติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ได้ทันที โดยในเบื้องต้นทางบริษัทคาดว่า จะใช้เวลาดำเนินการเพียงประมาณ 3 เดือน จากนั้นจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ ซึ่งทางบริษัทเองได้กำหนดแผนการผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับการใช้งานของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 40% และอีกจำนวน 60% จะดำเนินการขายให้แก่ทางภาครัฐ นอกจากนี้ ในปี 2558 ทางบริษัทยังได้วางแผนลดต้นทุนการผลิต ด้วยการปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงที่ใช้ในโรงงานเป็นก๊าซธรรมชาติ จากเดิมใช้ก๊าซ LPG ซึ่งปัจจุบันได้อยู่ในระหว่างเตรียมการ มีกำหนดแล้วเสร็จภายในช่วงปลายปี 2558 ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนดำเนินงานลดลงเป็นจำนวนมาก เนื่องจากก๊าซธรรมชาติมีราคาขายถูกกว่าก๊าซ LPG ดังนั้น แผนการลงทุนของบริษัทในปี 2558 จึงกำหนดวงเงินไว้ประมาณ 200 ล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนโซลาร์รูฟท็อป 160 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเตรียมไว้ใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สำหรับเม็ดเงินเงินลงทุนดังกล่าว จะนำมาจากตัวกระแสเงินสดของบริษัททั้งหมด “ทางบริษัทเองยังมีแผนที่จะลดต้นทุนการผลิตของบริษัทลง โดยวางแผนที่จะเปลี่ยนการเชื้อเพลิงจากก๊าซ LPG เป็นก๊าซธรรมชาติแทน เพราะข้อดีของก๊าซธรรมชาติจะมีราคาขายที่ถูกกว่าก๊าซLPG ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมและน่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในช่วงปลายปี 2558” ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2557 ที่ผ่านมา ปัจจุบันทางบริษัทยังอยู่ในระหว่างดำเนินการปิดบัญชี ส่วนการจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง คงจะต้องรอการพิจารณากันอีกครั้ง หลังจากทาง AI และAIE สามารถดำเนินการปิดงบปี 2557 ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ AI ได้กำหนดนโยบายการเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น โดยแจ้งผ่านทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ว่า ปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังจากหักภาษีและสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งพิจารณาจากงบการเงินของบริษัท โดยในช่วงปี 2557 ทางบริษัทได้จ่ายปันผลระหว่างกาลที่ระดับ 0.10 บาทต่อหุ้น จากงวดผลการดำเนินงานม.ค.-มิ.ย. 2557 ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก บริษัทสามารถทำรายได้รวมจำนวน 4,174 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 155 ล้านบาท