เจอกันที่ 1,200 จุด?โมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นทั่วโลกล้วนตกอยู่ในสภาพ “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” เหมือนกันทุกแห่ง แถมแต่ละเรื่องที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก ก็ส่งผลต่อการทะยานขึ้นของหุ้นทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” ถึงมีอาการห่อเหี่ยวใจเป็นที่สุด เพราะมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้ทุกอย่างกลับมาดีเหมือนเดิม ผนวกกับเรื่องดังกล่าวเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ทุกอย่างเลยดูแย่ลงไปเรื่อยๆ เจ้าค่ะ


เจาะกระดาน

 

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นทั่วโลกล้วนตกอยู่ในสภาพ “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” เหมือนกันทุกแห่ง แถมแต่ละเรื่องที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก ก็ส่งผลต่อการทะยานขึ้นของหุ้นทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” ถึงมีอาการห่อเหี่ยวใจเป็นที่สุด เพราะมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้ทุกอย่างกลับมาดีเหมือนเดิม ผนวกกับเรื่องดังกล่าวเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ทุกอย่างเลยดูแย่ลงไปเรื่อยๆ เจ้าค่ะ

*งานนี้ถึงไม่มีความจำเป็นต้องไปเม้าท์ถึงการทะเลาะเบาะแว้งของ “อิหร่าน” กับ “ซาอุฯ” หรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน เพราะเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมด เดี๊ยนทำได้แค่เป็นผู้เฝ้าสังเกตการณ์ หรือแม้กระทั่งเรื่องเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ก็ทำได้แค่เพียงเฝ้าดูอยู่ห่างๆ แบบห่วงๆ จึงได้แต่ส่งความห่วงใยไปยังเพื่อนพ้องน้องพี่ที่อยู่ในตลาดหุ้นพะยะค่ะ

*เมื่อรูปการณ์ออกมาในโทนที่เป็นปัญหากับการลงทุน “โมนิก้า” จำเป็นต้องฉายภาพของกูรูชั้นนำให้เห็นอีกรอบ เพราะแรงเทขายที่ออกมาจากฝรั่งตาน้ำข้าว 3.64 พันล้านบาท บวกกับกองทุนตัวแสบสาดออกมาอีก 700 ล้านบาท  มันคือตัวแปรที่ทำให้ดัชนีรูดลงมาปิดที่ 1,253.34 จุด ลบไป 10.07 จุด ด้วยมูลค่า 4.50 หมื่นล้านบาท สะท้อนถึงโอกาสที่ดัชนีจะลงไปกองแถว 1,200 จุด..มีความเป็นไปได้สูงนะคะ

*เนื่องจากเดือนนี้เป็นเดือนที่กองทุนตัวแสบเทขายหุ้นออกมาเยอะเป็นประจำทุกปี บวกกับในมุมมองของฝรั่งตาน้ำข้าวมองว่า ตลาดหุ้นเอเชียไม่ใช่แหล่งขุมทรัพย์อีกต่อไป จึงเห็นแรงเทขายออกมาจากนักลงทุนกลุ่มนี้เยอะมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแปรที่ทำให้หุ้นบลูชิพหมดสภาพ วันนี้ถึงไม่มีความจำเป็นต้องวาดฝันว่า ทุกอย่างจะกลับมาสวยงามดั่งเดิมอีกต่อไปเจ้าค่ะ

*ขนาดหุ้นน้องใหม่ไฟแรงอย่าง BEM ซึ่งคนทั่วไปต่างรู้ดีว่า เป็นหุ้นที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ เพราะเป็นการผสมผสานระหว่าง  cash cow” กับ growth stock” พอภาวการณ์ลงทุนไม่เป็นใจให้กระโจนใส่อย่างเอาเป็นเอาตาย จึงมีแต่คนสาดหุ้นออกมาไม่หยุดหย่อน สุดท้ายทำได้ดีสุดแค่การปิดเสมอตัวที่ระดับ  5.15 บาท ด้วยมูลค่า 5.50 พันล้านบาท “โมนิก้า” กล้าพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่า เงินเย็นทยอยเก็บได้อยู่แล้ว เพราะของมันเห็นกันอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า อย่างไรก็โตนะจะบอกให้

*ส่วนที่ตกที่นั่งลำบากชนิดที่กู่ไม่กลับอย่าง ADVANC ล้วนเป็นผลพวงมาจากความไม่แน่ใจในตัวบริษัท บวกกับยังไม่มีใครออกมาให้คำตอบเรื่อง 10 ล้านเลขหมายที่จะสูญหายไปในพริบตานั้น ส่งผลต่องบกำไรขาดทุนขนาดไหน? “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่หุ้นตัวนี้โดนถล่มแบบไม่เหลือเยื่อใย แถมแมงลือเม้าท์กันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดชว่า กองทุนถือไว้บาน..นนน เมื่อถึงเวลาต้องขาย เลยขายแบบสุดซอย หุ้นถึงรูดลงมาปิดที่ 131 บาท ลบไป 12 บาท หรือลงไป 8.40% ด้วยมูลค่า 8 พันล้านบาทไงล่ะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ INTUCH เมื่อทุกอย่างไม่เป็นใจเหมือนเมื่อก่อน ราคาหุ้นถึงถอยกราวรูดไม่เป็นท่า ชนิดที่ว่า low แล้ว…low อีก หมดปัญญาที่จะยับยั้งแรงเทขายที่ออกมาในระลอกนี้ เพราะวันนี้กลายเป็นหุ้นที่ไม่มีใครเอา? วานนี้ถึงเห็นหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 45.75 บาท ลบไป 3.75 บาท หรือลงไป 7.60% ด้วยมูลค่า 2.60 พันล้านบาท พร้อมกับทำnew low ในรอบ 4 ปี..มันคุ้มกับที่เสี่ยงไหมล่ะจ๊ะ

*สภาพดังกล่าวคล้ายคลึงกับในรายของ TRUE เพราะเป็นอีกหนึ่งรายโดนทิ้งลงมาอย่างหนักเช่นกัน จากต้นปี 58 เป็นหุ้นที่วิ่งขึ้นไปยืนแถว 14 บาท ล่าสุดกลายเป็นหุ้นที่มีราคาแค่ 5.85 บาท ลบไป 0.45 บาท หรือลงไปอีก 7% “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่สุดแสนจะร้าวรานใจสิ้นดี ครั้นจะตัดใจขายทิ้ง ก็ขายไม่ลงเสียแล้ว..ครั้นจะทยอยเข้าสะสม ก็ไม่กล้าเข้าไปรับ สภาพของหุ้นถึงทรุดลงอย่างต่อเนื่องไงล่ะค่ะ

*เหมือนกับในรายของพี่เบิ้ม PTT วันนี้ไม่ต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น? แต่ให้ถามตัวเองว่า ราคาน้ำมันดิบที่ระดับ 30 เหรียญต่อบาร์เรล (ตอนนี้ 37) มันจะเกิดอะไรขึ้นกับหุ้นกลุ่มพลังงาน หากได้คำตอบจากเรื่องดังกล่าว ก็จะรู้ได้ทันทีว่า วันนี้ต้องถอยฉากเป็นการชั่วคราว! วานนี้ถึงเป็นอีกวันที่หุ้นไหลลงมาปิดที่ 227 บาท ลบไป 11 บาท หรือลงไปอีก 4.60% ราวกับคนไม่มีหูรูดเลยนะคะ

*ส่วนหุ้นทีเด็ดอย่าง EPG ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ถนัดซอยสั้นๆ เพราะกรอบการเคลื่อนตัวมันเห็นกันอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า พยายามไต่ระดับขึ้นไปยืน 15 บาท แม้ในระหว่างทางจะโดนถล่มลงมากองแถว 10 บาทบ้าง 11 บาทบ้าง หรือบางขณะอ่อนตัวลงมาพักฐาน 12 บาท แต่ภาพการเคลื่อนตัวในวงรอบใหญ่ยังเป็นบันไดขาขึ้น ล่าสุดหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่13.30 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 4.70% มันเป็นจังหวะของการ follow buy ใช่หรือเปล่า? ลองไปคิดกันดูนะตัวเอง

*หากดูจากตำราทางเทคนิคที่ร่ำเรียนมาจากเมืองนอก วันนี้ดัชนีจะต้องรีบาวด์เพื่อรักษาฐานแนวรับ 1,250 จุดให้มั่น..ถ้าทำไม่ได้ ไปรอกรอบล่างสุดแถว 1,200 จุดเลยดีกว่า..งานนี้ไม่ได้ขู่ให้กลัว แค่อยากเล่าให้ฟังเฉยๆ นะพวกเด็กน้อย..ยยย

Back to top button