
คลังตั้ง “ดาต้าบูโร” ล่าธุรกรรมต้องสงสัย ปรับมาตรฐานสู่ FATF ปิดจบ ธ.ค.
“เอกนิติ” นั่งหัวโต๊ะ เปิดแผนบูรณาการข้อมูลการเงินข้ามหน่วย ตั้งคณะทำงาน “ดาต้าบูโร” เชื่อมโยงข้อมูลและข้อกฎหมายระหว่างหน่วยงานรัฐ–เอกชน ไล่ตรวจธุรกรรมต้องสงสัยทั้งระบบ ครอบคลุมคริปโต เงินสด ร้านแลกเงิน และทองคำ ตั้งเป้ายกระดับมาตรฐานกำกับดูแลสู่ FATF ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเชื่อมโยงข้อมูลทางการเงิน เพื่อยกระดับการติดตามตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินต้องสงสัย ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุม
ที่ประชุมมีมติจัดตั้งคณะทำงาน “ดาต้าบูโร (Data Bureau)” ทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลและข้อกฎหมายระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน ครอบคลุมกระทรวงการคลัง กระทรวงดีอี กระทรวงยุติธรรม ธปท. ปปง. กรมสรรพากร กรมศุลกากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสอบสวนคดีพิเศษ สมาคมธนาคารไทย สมาคมสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และสำนักงาน ก.ล.ต.
3 ภารกิจหลักของ “ดาต้าบูโร”
- พิสูจน์ตัวตนของบุคคลหรือบริษัท ว่าเป็นนอมินีหรือไม่
- ตรวจสอบพฤติกรรมต้องสงสัย เช่น การโอนเงินเข้าออกผิดปกติจากต่างประเทศ
- ติดตามเส้นทางการเคลื่อนไหวของเงิน เพื่อระบุธุรกรรมต้องสงสัย
นายเอกนิติ กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือแนวทางกำกับ “ช่องทางการเงินที่อาจมีพฤติกรรมต้องสงสัย” ครอบคลุมคริปโตเคอร์เรนซี เงินสด ธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงิน และตลาดทองคำ หากตรวจพบธุรกรรมผิดปกติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าตรวจสอบทันที เนื่องจากช่องทางดังกล่าวมักถูกใช้ในการฟอกเงิน เช่น การซื้อทองคำ อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์หรู หรือเพชร
“ครั้งนี้เราไม่ได้แก้เฉพาะจุด แต่จะยกระดับทั้งระบบ ให้การกำกับดูแลพฤติกรรมทางการเงินของประเทศเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยจะใช้เคสตัวอย่างจากกระทรวงดีอีและกระทรวงยุติธรรมมาทดสอบระบบ เพื่อดูว่าเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใด บุคคลหรือบริษัทนั้นเป็นใคร มีพฤติกรรมต้องสงสัยหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียด โดยเฉพาะกรณีทองคำที่ยังไม่มีกฎหมายกำกับชัดเจน” นายเอกนิติกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงดีอีอยู่ระหว่างเร่งจัดทำกฎหมายใหม่ เพื่อปิดช่องโหว่ธุรกรรมที่ยังไม่มีกฎหมายครอบคลุม โดยเฉพาะธุรกิจทองคำ ซึ่งพบพฤติกรรมต้องสงสัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คณะทำงาน “ดาต้าบูโร” มีนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานร่วมกับสมาคมธนาคารไทย จะเร่งหารือรายละเอียดและรายงานผลภายใน 2 สัปดาห์ ตั้งเป้ายกระดับระบบกำกับดูแลทางการเงินของไทยให้ได้มาตรฐาน FATF แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2568
ด้าน นายวิทัย เปิดเผยว่า ธปท. เตรียมออกประกาศเพิ่มเติม 2 ส่วน ได้แก่
- กำหนดให้สถาบันการเงินติดตามและรายงานบัญชีที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับเงินเทาหรือธุรกรรมไม่พึงประสงค์ โดยนอกจากรายงานต่อ ปปง. แล้ว ต้องรายงานต่อ ธปท. ด้วย
- เพิ่มการตรวจสอบและกำกับสถาบันการเงินที่ได้รับใบอนุญาตจาก ธปท. เช่น ร้านแลกเงิน และบริษัท e-Wallet เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีธุรกรรมผิดปกติหรือเส้นทางเงินเทาในระบบ
FATF หรือ Financial Action Task Force เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลที่จัดตั้งโดยประเทศกลุ่ม G7 ตั้งแต่ปี 2532 เพื่อวางมาตรฐานและกำกับดูแลการป้องกันการฟอกเงิน การจัดหาเงินให้การก่อการร้าย และการแพร่ขยายอาวุธทำลายล้างสูง หากประเทศใดไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน FATF อาจถูกขึ้นบัญชีเฝ้าระวัง (Grey List) หรือบัญชีดำ (Blacklist) ซึ่งจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือทางการเงินระหว่างประเทศ