
CPNREIT โกยรายได้ Q2 ทะลุ 1.52 พันล้าน เคาะปันผล 0.27 บาท/หน่วย
CPNREIT โชว์ผลงานไตรมาส 2/68 รายได้รวม 1,523.8 ล้านบาท โต 1.3% รับแรงหนุนค่าเช่า-บริการเพิ่ม พร้อมจ่ายปันผล 0.27 บาท/หน่วย เดินหน้าปรับโฉมโครงการ “เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า” และ “เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต” ใช้งบกว่า 1.9 พันล้านบาท พร้อมตั้งเป้าปี 69 เพิ่มสินทรัพย์ศูนย์การค้าอีก 2 หมื่นล้าน หวังผลักดัน Asset Size โต 2 เท่าภายใน 8 ปี
นางสาวปัทมิกา พงศ์สูรย์มาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ CPNREIT เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 (เมษายน – มิถุนายน) ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท หรือ CPNREIT สามารถทำรายได้รวม 1,523.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าและบริการรวม 1,517.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% แบ่งเป็น
1) ธุรกิจศูนย์การค้า มีรายได้ค่าเช่าและบริการ 1,156.8 ล้านบาท แม้ในช่วงดังกล่าวได้ปรับปรุงศูนย์การค้าเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ส่งผลต่อรายได้จากพื้นที่ส่วนกลาง แต่กองทรัสต์ฯ สามารถรับรู้รายได้ค่าสาธารณูปโภคและค่าบริการส่วนกลาง (CAM Charge) จากสัญญาใหม่ของโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า เข้ามาช่วยชดเชย หากไม่รวมผลกระทบจากการปรับปรุงทั้งสองโครงการนี้ รายได้จะเติบโตถึง 5.0% จากการเพิ่มขึ้นของค่าเช่าตามสัญญา
2) ธุรกิจอาคารสำนักงาน มีรายได้ค่าเช่าและบริการ 257.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% จากอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม 100% ของอาคารสำนักงานยูนิลีเวอร์เฮ้าส์ และการรับรู้รายได้ค่าสาธารณูปโภคและรายได้ค่าบริการส่วนกลางจากสัญญาใหม่ของอาคารสำนักงานปิ่นเกล้า และ 3) ธุรกิจโรงแรม มีรายได้ค่าเช่า 102.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% จากการปรับขึ้นค่าเช่ารายปีตามสัญญา และรายได้อื่นๆ จำนวน 6.6 ล้านบาท
โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 ศูนย์การค้าที่ CPNREIT ลงทุนมีจำนวนผู้ใช้บริการเฉลี่ย 85% และมีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ของศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานเฉลี่ยอยู่ที่ 91% ใกล้เคียงไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า มีอัตราการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นหลังการปรับปรุงทยอยแล้วเสร็จ รวมถึงอาคารสำนักงานเดอะไนน์ ทาวเวอร์ส ที่มีผู้เช่ารายใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังสามารถต่อสัญญากับผู้เช่าเดิมและทำสัญญาเช่าใหม่ได้อีกกว่า 97 สัญญา รวมพื้นที่ 15,963 ตารางเมตร
ขณะที่กำไรจากการลงทุนสุทธิทำได้ 1,004.9 ล้านบาท ลดลง 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าสาธารณูปโภคและค่าบริการส่วนกลางของโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ตามสัญญาใหม่ ขณะที่รายได้ค่าเช่าและบริการจากศูนย์การค้าลดลง เนื่องจากเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า อยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า กำไรจากการลงทุนสุทธิจะเพิ่มขึ้น 1.7% ซึ่งสะท้อนการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
แม้มีปัจจัยท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น กองทรัสต์ยังคงยืนยันความแข็งแกร่งด้านการเงินด้วยการพิจารณาจ่ายเงินให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์จากผลการดําเนินงานในไตรมาส 2/2568 ที่อัตรา 0.2700 บาทต่อหน่วย แบ่งเป็น เงินจ่ายประโยชน์ตอบแทน 0.2261 บาทต่อหน่วย และเงินลดทุน 0.0439 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD และ XN วันที่ 26 สิงหาคม 2568 กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยทรัสต์ (Book Closing) เพื่อสิทธิรับประโยชน์ตอบแทนในวันที่ 28 สิงหาคม 2568 และจ่ายเงินในวันที่ 11 กันยายน 2568
นางสาวปัทมิกา กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทรัสต์ CPNREIT ยังคงเดินหน้าสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์ ด้วยการทุ่มงบฯและระยะเวลาเพื่อปรับปรุงครั้งใหญ่ใน 2 โครงการหลัก ได้แก่ 1.) โครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า โดยปรับเปลี่ยนเป็น Gastronomy Hub หรือ ศูนย์กลางการทำอาหารที่มีมากกว่า 200 แบรนด์ ตั้งแต่ Premium, Casual Lifestyle, Grab & Go, Street food และ Family Food Destination โดยเป็นโครงการที่มุ่งเน้นสร้างความบันเทิงสำหรับครอบครัวและศูนย์กลางการเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชน ด้วยงบประมาณการลงทุนของกองทรัสต์ไม่เกิน 1,100 ล้านบาท โดยใช้ระยะเวลาปรับปรุงตั้งแต่กลางปี 2567 ปัจจุบันคงเหลือการปรับปรุงพื้นที่ส่วนกลาง คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 4 ปี 2568 และ 2.) โครงการเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต เพื่อพลิกโฉมภายใต้แนวคิด “Local Essence in Modern Twist” สร้างเป็นจุดหมายที่สะท้อนเสน่ห์ของเชียงใหม่ในมุมมองใหม่ พร้อมเพิ่มแบรนด์ใหม่กว่า 50% รวมถึงแบรนด์ดังที่ประสบความสำเร็จแล้ว โดยมีระยะเวลาการปรับปรุงตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 ถึงกลางปี 2569 ด้วยงบประมาณการลงทุนของกองทรัสต์ไม่เกิน 806 ล้านบาท
ทั้งนี้ นอกจากแผนการปรับปรุงสินทรัพย์แล้ว CPNREIT ยังมีแผนระยะยาวที่ชัดเจน โดยในปีหน้า มีเป้าหมายจะเพิ่มสินทรัพย์ประเภทศูนย์การค้ามูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ของกองทรัสต์ฯ ได้ประมาณ 10,000-15,000 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ระยะยาวของ CPNREIT ที่ตั้งเป้าจะขยายขนาดสินทรัพย์ (Asset Size) ให้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ภายใน 8 ปี ด้วยการลงทุนในศูนย์การค้าใหม่เพิ่มเติมทุกๆ 2 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ CPNREIT ในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในอนาคต